สอวช. จับมือ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ และภาคเอกชน เปิดผลวิจัยดัน “ครีเอเตอร์” ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เสนอรัฐแก้กฎระเบียบ ด้วยมาตรการ Quick Win ปลดล็อกแหล่งทุน-ภาษี-ทักษะ หวังสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ยั่งยืน ไม่ให้โตแบบไร้ทิศทาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, Tellscore และ Rainmaker เผยผลการวิจัยและข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจครีเอเตอร์ (Creator Economy) ของไทย โดยมุ่งเน้นการยกระดับครีเอเตอร์จากการเป็นเพียงผู้ผลิตคอนเทนต์ สู่การเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
"Quick Win” แก้คอขวดครีเอเตอร์ระดับกลาง
ผศ.ดร.สกุลศรี ศรีสารคาม รองคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ และหัวหน้าโครงการ Thailand Creator Economy Policy & Industry Briefing กล่าวว่า จากการวิจัยร่วมกับครีเอเตอร์กว่า 130 คน และองค์กรที่เกี่ยวข้อง พบว่าครีเอเตอร์ใน กลุ่มที่กำลังขยายทีมงานเพิ่มสู่ธุรกิจจากการที่มีฐานผู้ติดตามสูงนับเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง กำลังเผชิญ “คอขวด” ทางโครงสร้าง ทั้งเรื่องภาษี การจดทะเบียนบริษัท การบริหารทีม และการเข้าถึงแหล่งทุน
คณะวิจัยจึงเสนอมาตรการระยะสั้น (Quick Win) เพื่อปลดล็อกปัญหานี้ ได้แก่ 1.ระบบจับคู่ (Matching System) เชื่อมโยงครีเอเตอร์กับแบรนด์และหน่วยงานรัฐ 2.บ่มเพาะธุรกิจ เสริมทักษะการบริหารจัดการธุรกิจและทีมงาน 3.กระจายศูนย์กลางการพัฒนาผ่านมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ครีเอเตอร์ท้องถิ่น
“หากปล่อยให้ระบบนิเวศโตตามกลไกตลาดเพียงลำพัง ครีเอเตอร์อาจเติบโตแบบสะเปะสะปะแล้วล้มหายไป เราต้องมอง Creator Economy เป็นระบบนิเวศ 7 มิติ ที่รัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาต้องทำงานสอดประสานกัน” ผศ.ดร.สกุลศรี กล่าว
พร้อมกันนี้ ในเวทีเสวนา “Respond to Creator Policy” ภาคส่วนต่างๆ ได้แสดงความพร้อมในการขับเคลื่อนนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นทาง รศ.ดร.วงกต วงศ์อภัย (สอวช.) เสนอปรับการเรียนการสอนนิเทศศาสตร์เป็น Project-based Learning และตั้ง “Creator Lab” ในภูมิภาค เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากการทำงานจริง
ขณะที่ดร.ธนกร ศรีสุขใส จากกองทุนพัฒนาสื่อฯ เสนอโครงสร้างทุนแบบ “5+3 แทร็ก” แยกประเภทผู้ขอทุนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการแข่งขัน พร้อมเสนอไอเดีย “หนึ่งตำบลหนึ่งคอนเทนต์ครีเอเตอร์” ส่วนในมุมของแพลตฟอร์มและมาตรฐาน สุวิตา จรัญวงศ์ (Tellscore) และ ขจร เจียรนัยพานิชย์ (RAiNMAKER) มองว่ารัฐควรเจรจากับแพลตฟอร์มเพื่อลดผลกระทบจากอัลกอริทึมที่เน้นดราม่า และผลักดันให้เกิดมาตรฐานวิชาชีพ การรับรองคุณวุฒิ รวมถึงสวัสดิการที่เหมาะสม เพื่อให้ “คอนเทนต์ครีเอเตอร์” เป็นอาชีพที่มั่นคง
อย่างไรก็ตาม ในมุมของตัวแทนครีเอเตอร์ต่างสะท้อนปัญหาตรงกันในเรื่อง “การเข้าถึงแหล่งทุนภาครัฐ” โดยระบุว่าเงื่อนไข (TOR) มีความซับซ้อน ภาษาเข้าใจยาก และขาดระบบการติดตามที่ชัดเจน
กลุ่มครีเอเตอร์เสนอให้ภาครัฐปรับกระบวนการให้โปร่งใส เข้าใจง่าย และกระจายโอกาสสู่รายย่อยมากขึ้น แทนที่จะกระจุกตัวอยู่ที่โครงการขนาดใหญ่ เพื่อให้ครีเอเตอร์ไทยสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติได้อย่างแท้จริง


