ภาพความขัดแย้งของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังชัดเจนขึ้น เมื่อความเร็วในการนำเทคโนโลยีมาใช้งานแซงหน้ากรอบการกำกับดูแลและความพร้อมขององค์กรอย่างมีนัยสำคัญ โดยรายงาน SAS-IDC เผยว่า 47% องค์กรภูมิภาคเผชิญช่องว่างระหว่างศรัทธากับความน่าเชื่อถือ ซึ่งอาจกระทบกับผลตอบแทนการลงทุน AI ระยะยาว
รายงานล่าสุดจาก SAS ผู้นำด้านข้อมูลและ AI ระดับโลก ที่ร่วมกับ IDC ภายใต้ชื่อการศึกษาว่า IDC Data and AI Impact Report: The Trust Imperative พบองค์กรเกือบครึ่งหนึ่ง (47%) ในเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเผชิญภาวะความไว้วางใจที่สั่นคลอน" (Trust Dilemma) อันเป็นช่องว่างอันตรายระหว่างความมั่นใจในการใช้งาน AI กับความน่าเชื่อถือที่แท้จริงของระบบเหล่านี้
ที่น่าสนใจคือ แม้ภูมิภาคนี้จะเป็นผู้นำการใช้ Generative AI และ Agentic AI มาประยุกต์กับธุรกิจได้เร็วที่สุดในโลก แต่การพัฒนากรอบการกำกับดูแล ความสามารถในการอธิบายการทำงานของ AI (Explainability) และความพร้อมด้านข้อมูล (Data Maturity) กลับตามไม่ทัน
***ธนาคารเอเชียเสี่ยงสูง
ผลการสำรวจระบุว่า ภาคการธนาคารในเอเชีย-แปซิฟิกเป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมที่นำ AI มาใช้มากที่สุดในโลก โดยกว่า 60% ของธนาคารระบุว่า การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเป็นเป้าหมายหลักของการใช้ AI
แต่ในขณะเดียวกัน มีถึง 44% ที่ยังขาดความพร้อมด้านการกำกับดูแลข้อมูลอย่างเป็นระบบ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงสำคัญต่ออุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์กำกับดูแลอย่างเข้มงวด
แคธี แลงจ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้าน AI และระบบอัตโนมัติของ IDC ระบุว่าทั้งผู้ให้บริการ AI ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ใช้งานทั่วไป จำเป็นต้องตั้งคำถามว่า Generative AI ได้รับความเชื่อมั่น แต่น่าเชื่อถือจริงหรือไม่ และผู้นำองค์กรได้วางมาตรการกำกับดูแลที่เหมาะสมแล้วหรือยัง
"ผลการวิจัยชี้ให้เห็นความย้อนแย้งว่า เทคโนโลยี AI ที่มีปฏิสัมพันธ์คล้ายมนุษย์และให้ความรู้สึกคุ้นเคยทางสังคม มักได้รับความเชื่อถือมากที่สุด ทั้งที่ความแม่นยำหรือความน่าเชื่อถือจริงอาจไม่ได้สูงตามไปด้วย"
หากมองที่ข้อมูลเปรียบเทียบระดับภูมิภาค การสำรวจระดับโลกที่มีผู้ตอบแบบสอบถาม 2,375 คน จากทุกภูมิภาคทั่วโลก พบว่าในระดับภูมิภาค องค์กรในเอเชีย-แปซิฟิกที่เผชิญช่องว่างความเชื่อมั่นอยู่ที่ 47% สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกเล็กน้อย (46%)
ประเทศไทยและเพื่อนบ้าน ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย มีคะแนนความน่าเชื่อถือของ AI เฉลี่ยอยู่ที่ 2.93 จากคะแนนเต็ม 5 ส่วนคะแนนผลกระทบอยู่ที่ 3.30 สะท้อนให้เห็นว่ามีผลลัพธ์ที่แข็งแกร่ง แต่ยังมีช่องว่างให้พัฒนาอีกมาก โดยผู้นำภูมิภาคคือออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เป็นผู้นำด้วยคะแนนความเชื่อมั่นใน AI และความเชื่อมโยงกับผลตอบแทนการลงทุน (ROI) สูงสุด โดยมีคะแนนความเชื่อมั่น 3.01 และคะแนนผลกระทบ 3.53
ในมุมอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไข รายงานระบุอุปสรรคหลักที่องค์กรเผชิญ ได้แก่ สภาพแวดล้อมข้อมูลบนคลาวด์ที่ยังไม่เหมาะสม** (49%) ยังมีการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI
ลูก้า สปิเนลลี กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซียนของ SAS กล่าวว่างานวิจัยแสดงให้เห็นว่าองค์กรที่ก้าวหน้าที่สุด ซึ่งฝังแนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลข้อมูล ความโปร่งใสของโมเดล และจริยธรรม AI ไว้ในองค์กร คือผู้ที่ได้รับผลตอบแทนสูงที่สุด
"ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกลายเป็นหนึ่งในตลาด AI ที่มีพลังและความเคลื่อนไหวมากที่สุดในโลก แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วโดยปราศจากความเชื่อมั่นถือเป็นความเสี่ยงที่เราไม่อาจมองข้ามได้"
สำหรับสถาบันการเงินในเอเชีย สปิเนลลีเน้นว่า การมี AI ที่น่าเชื่อถือจะเป็นตัวกำหนดความแตกต่างเชิงการแข่งขัน การวางกรอบกำกับดูแลที่มั่นคงไม่ใช่เพียงการทำให้สอดคล้องตามกฎระเบียบ แต่เป็นรากฐานของนวัตกรรม ความยืดหยุ่น และความไว้วางใจจากลูกค้า
ที่สุดแล้ว รายงานฉบับนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายสำคัญของการพัฒนา AI ในภูมิภาค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ถูกกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เช่น ธนาคาร ประกันภัย และภาครัฐ ขณะเดียวกัน ความไม่สอดคล้องระหว่างความเร็วการนำมาใช้กับความพร้อมด้านการกำกับดูแล อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนจากการลงทุนด้าน AI ในระยะยาว รวมถึงความเสี่ยงด้านความไร้ประสิทธิภาพและช่องว่างในการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้วย.


