เศรษฐกิจดิจิทัลไทยยังแกร่ง! 'สดช.' เผย ปี 68-69 โตต่อเนื่อง 5.0% และ 4.2% สูงกว่า GDP รวมเท่าตัว แม้เศรษฐกิจโลกสะดุดจากภาษีทรัมป์และสงครามการค้า ชี้ไทยยังเป็นผู้นำอาเซียน ดึงลงทุน Data Center-AI พุ่ง ดันสัดส่วนแตะ 19% ของ GDP
เมื่อวันที่ 6 พ.ย.68 นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) เปิดเผยในการสัมมนานโยบายและแนวโน้มเศรษฐกิจดิจิทัล ปี 2568 และ 2569ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยกำลังเผชิญช่วงเวลาแห่งความท้าทาย ไม่ต่างจากเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เนื่องจากทั้งเศรษฐกิจโลกและการค้าโลกต่างชะลอตัวต่อเนื่อง แต่ยืนยันว่าไทยยังมีศักยภาพสูงและเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค
"เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยอยู่ในจุดที่มั่นคง และยังเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เราไม่ได้เป็นแค่ผู้ตาม แต่เป็นผู้นำในอาเซียนในหลายมิติ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน กฎหมาย และศักยภาพของภาคเอกชนไทย" นายเวทางค์ กล่าว
◉ เศรษฐกิจโลกกดดัน ไทยโตเหนือ GDP เท่าตัว
นายเวทางค์ กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจดิจิทัลจะยังขยายตัว แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวตามสภาวะโลก โดยปี 2568 ขยายตัว 5.0% และคาดว่าปี 2569 จะเติบโตเพียง 4.2% ซึ่งแม้ลดลงจากปีก่อนหน้า แต่ยังขยายตัวได้มากกว่า GDP รวมของประเทศถึง กว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ GDP ไทยที่เติบโตเพียง 2.0% เท่านั้น
"ถ้า GDP ประเทศโตประมาณ 2% เศรษฐกิจดิจิทัลของเรายังโตถึง 4.2% ถือว่ายังแข็งแรงมากเมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว" นายเวทางค์ กล่าว พร้อมย้ำว่า อัตราการเติบโตระดับนี้ยังสะท้อนพลังของเทคโนโลยีที่ยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้จริง
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลปีนี้ยังขยายตัวได้ คือ การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะกลุ่ม ฮาร์ดดิสก์และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ที่เติบโตอย่างโดดเด่นในช่วง 8 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้นกว่า 37% แม้เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะชะลอตัว
"ถึงเศรษฐกิจโลกจะซบ แต่ภาคส่งออกสินค้าเทคโนโลยีของไทยกลับเติบโตดีมาก โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน ซึ่งกลายเป็นแรงพยุงเศรษฐกิจดิจิทัลในปีนี้ได้อย่างสำคัญ" นายเวทางค์ กล่าว
◉ ภาษีทรัมป์กระทบเต็มปี 69
นายเวทางค์ กล่าวว่า ปี 2569 จะเป็นปีแรกที่ไทยต้องเผชิญผลกระทบจาก การขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แบบเต็มปี ซึ่งจะกระทบการค้าโลกและมูลค่าการส่งออกของไทยโดยตรง
"ปี 2568 เรายังพอเร่งส่งออกได้ในช่วงต้นปี แต่ปี 2569 ภาษีที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นเกือบ 20% จะเริ่มส่งผลเต็มที่ และยังไม่รู้ว่าจะมีมาตรการอะไรตามมาอีก ผลกระทบนี้จะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัลชะลอลงอย่างเลี่ยงไม่ได้" นายเวทางค์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เขามองว่ายังมีปัจจัยบวกจาก วัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการลงทุนในศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจดิจิทัลให้ขยายตัวต่อเนื่อง
◉ โครงสร้างพื้นฐาน-พลังงานสะอาด ยังได้เปรียบ
นายเวทางค์ กล่าวว่า ไทยยังมีจุดแข็งชัดเจนในการดึงดูดการลงทุนด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เช่น สายเคเบิลใต้น้ำ, Data Center และระบบ Cloud ซึ่งได้รับความสนใจจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่างต่อเนื่อง
"บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Amazon, Google, NVIDIA ต่างประกาศลงทุนในไทยต่อเนื่อง นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากการวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานของเรามานาน" นายเวทางค์ กล่าว
นายเวทางค์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีความได้เปรียบเหนือประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค โดยเฉพาะด้าน ต้นทุนพลังงานและความพร้อมของระบบไฟฟ้า ซึ่งเอื้อต่อการลงทุน Data Center มากกว่ามาเลเซียและสิงคโปร์
"เราอาจไม่ได้ถูกที่สุด แต่เรามีความพร้อมมากที่สุด ทั้งด้านพื้นที่ พลังงานสะอาด และระบบเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมต่อโลกได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านสิงคโปร์อีกต่อไป" นายเวทางค์ กล่าว
◉ รัฐ-เอกชน เร่งวางแผนลงทุนระยะยาว 5 ปี
นายเวทางค์ กล่าวว่า นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ได้มอบหมายให้เร่งวางแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในระยะ 5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะระบบ Data Center, สายเคเบิลใต้น้ำ และกิจการอวกาศ รวมถึงระบบดาวเทียม ที่จะเป็นรากฐานสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต
"เราต้องวางแผนลงทุนล่วงหน้า ไม่ใช่รอให้ถึงเวลาค่อยทำ เพราะโครงสร้างพื้นฐานแบบนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปีถึงจะแล้วเสร็จ ถ้าเริ่มวันนี้ ปี 2570 เราจะพร้อมรองรับคลื่นเทคโนโลยีใหม่ทันที" นายเวทางค์ กล่าว
◉ 'ดีอี' ดัน AI เพื่อทุกคน
อีกด้าน นายเวทางค์ กล่าวถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะ การผลักดันให้การเข้าถึงเทคโนโลยี AI เป็นสิทธิพื้นฐานของคนไทยทุกคน เพื่อให้คนในพื้นที่ห่างไกลสามารถใช้เทคโนโลยีได้ในราคาที่เข้าถึงได้จริง
"รัฐมนตรีดีอีประกาศชัดแล้วว่า AI ต้องเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน รัฐจะหาทางทำให้ต้นทุนการใช้เทคโนโลยีลดลง เพื่อให้คนในหมู่บ้านหรือชุมชนเล็กๆ เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม การนำ AI มาใช้จริงในภาครัฐและเอกชนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว" นายเวทางค์ กล่าว
◉ ประชาชนพร้อม สังคมดิจิทัลเติบโตเร็ว
นายเวทางค์ กล่าวว่า คนไทยเป็นหนึ่งในประชากรที่ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้เร็วที่สุดในโลก ทั้งในด้านการใช้สื่อออนไลน์ การซื้อขายสินค้า และบริการดิจิทัล
"คนไทยตื่นมาก็ซื้อของออนไลน์ ใช้บริการดิจิทัลเป็นกิจวัตร ชีวิตดิจิทัลของคนไทยดีมาก และเราติดอันดับโลก ไม่ใช่แค่ในอาเซียน ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนถึงความพร้อมของสังคมไทย ที่จะก้าวไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ และทำให้ไทยยังคงเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีในภูมิภาค" นายเวทางค์ กล่าว
◉ เศรษฐกิจดิจิทัลแตะ 19% ของ GDP
นายเวทางค์ กล่าวว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัลไทยมีมูลค่าประมาณ 5 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 18–19% ของ GDP รวม โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็น ภาคเศรษฐกิจที่โตเร็วที่สุด ของประเทศ
"เป้าหมายระยะกลางของเราคือการผลักดันให้เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนถึง 30% ของ GDP ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ติดอันดับ 30 ของโลก จากเดิมที่ไทยเคยอยู่อันดับที่ 40 ด้านความสามารถการแข่งขันดิจิทัล ปัจจุบันขยับขึ้นมาอยู่ราวอันดับ 32-33 และมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง" นายเวทางค์กล่าว
◉ ศักยภาพสูง ไม่แพ้ใครในโลกดิจิทัล
นายเวทางค์ กล่าวว่า แม้ไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและผลกระทบจากโลกภายนอก แต่เศรษฐกิจดิจิทัลไทยยังคงแข็งแรงและมีศักยภาพสูงมาก
"ยืนยันว่าโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยแข็งแรง ประชาชนพร้อม และภาคเอกชนมีศักยภาพ เราไม่ได้ด้อยกว่าใครในโลกดิจิทัล การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลจะเป็นเสาหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไปในทศวรรษหน้า แม้โลกจะเปลี่ยน แต่ไทยยังยืนอยู่ในแถวหน้าเศรษฐกิจดิจิทัลโลกอย่างภาคภูมิ" นายเวทางค์ กล่าว


