'ไชยชนก' สั่ง ปลัดดีอี สอบสวนข้อเท็จจริง ปมสแกมเมอร์ยัดสินบน 40 ล้าน แลกไม่จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลั่นฟันไม่เลี้ยง-ข้าราชการเอี่ยวก็ไม่รอด
เมื่อวันที่ 1 ต.ค.68 นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ได้กล่าวตอบข้ออภิปรายของสมาชิกรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วาระเรื่องด่วน 1 คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะเรื่องที่มีการติดต่อตนมาทางอ้อมเพื่อเสนอติดสินบน เดือนละ 40 ล้านบาท ให้ละเว้นการปราบปรามและจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์ผิดกฎหมายนั้น
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ นายพชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดีอี ติดตามประเด็นข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งรวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย ต่อไป
ขณะเดียวกัน หากพบข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของกระทรวงดีอี มีส่วนร่วมในขบวนการทุจริต หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ กระทรวงดีอีพร้อมที่จะดำเนินการสอบสวน และเอาผิดตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเป็นประเด็นขึ้น ประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ออกมาสวนกลับ 'ไชยชนก' รมว.ดีอีคนใหม่ ปมถูกเสนอสสินบน 40 ล้าน ชี้แปลกใจที่มิจฉาชีพกล้าติดต่อ แนะเร่งหาคนผิดมาลงโทษ ตอกแรง 'อย่าทำตัวเป็นรัฐมนตรีต้นทุนต่ำ'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ย.68 นายไชยชนก ได้เรียกประชุมผู้บริหารหน่วยงานในสังกัด เพื่อกำชับแนวนโยบายสำคัญที่ต้องเร่งขับเคลื่อนภายใน 4 เดือนข้างหน้า โดยไม่เน้นสร้างงานใหม่ แต่ให้เน้นเพิ่มประสิทธิภาพในงานเดิมที่มีอยู่ โดยเฉพาะใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ความมั่นคงทางดิจิทัล การลดภาระค่าครองชีพของประชาชนท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และการใช้เทคโนโลยีเพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติ
ในประเด็น ด้านความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ได้เสนอแนวทางให้นำแนวคิด Digital Wall มาประยุกต์ใช้กับพื้นที่ชายแดน โดยติดตั้งระบบกล้องตรวจจับและเซ็นเซอร์ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ เพื่อเสริมการเฝ้าระวังและรับมือภัยคุกคามข้ามแดน นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้เร่งบูรณาการข้อมูลกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รวมถึงกระทรวงมหาดไทย เพื่อยกระดับระบบคัดกรองและสกัดภัยคุกคามออนไลน์อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะกรณีการหลอกลวงผ่านคอลเซนเตอร์ เว็บพนัน และเว็บไซต์ผิดกฎหมาย ซึ่งยังคงเป็นปัญหาหลักที่สร้างความเสียหายต่อประชาชนในวงกว้าง
ขณะเดียวกัน ด้านเศรษฐกิจ นายไชยชนก ได้สั่งการตรงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งเปิดเจรจากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและผู้ให้บริการส่งอาหารขนาดใหญ่ เช่น Shopee, Lazada และแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่รายหลัก เพื่อขอลดค่าธรรมเนียม GP ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับสูงถึง 30% ให้เหลือในช่วง 15-20% ชั่วคราวในช่วงที่เศรษฐกิจยังเปราะบาง ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนของผู้ประกอบการรายย่อย และเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินค้าจำเป็นได้ในราคาที่เหมาะสมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ย้ำว่า ในระยะสั้นจะยังไม่ส่งเสริมการลงทุนใหม่ที่อาจสร้างภาระให้กับประเทศ เว้นแต่จะเป็นโครงการเร่งด่วนที่จำเป็นต่อประโยชน์สาธารณะเท่านั้น
ส่วนประเด็นการรับมือกับภัยธรรมชาติ นายไชยชนก ได้ให้น้ำหนักกับการนำเทคโนโลยีดาวเทียมและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในการคาดการณ์และวิเคราะห์แนวโน้มภัยพิบัติล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นฝนตกหนัก น้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงในวงกว้าง พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนบูรณาการการใช้เทคโนโลยีในระบบเตือนภัยให้มีความแม่นยำสูงทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของรัฐในการลดความเสียหาย และคุ้มครองชีวิต-ทรัพย์สินของประชาชนได้อย่างทันท่วงที