xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกฮาร์ดแวร์ไทยพุ่ง แต่จ้างงานลดลง หวั่น AI แย่งงานบัณฑิตใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดใจ "รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์" ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี มองอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยปี 67 น่าตกใจที่ตัวเลขการส่งออกนำเข้าฮาร์ดแวร์สูง แต่ตัวเลขพนักงานไม่เพิ่มขึ้น หวั่นอุตสาหกรรมโตแน่แต่การจ้างงานไม่โตตาม ชี้ฝั่งซอฟต์แวร์และอุตสาหกรรมดิจิทัลโดยรวมไม่มีอะไรน่ากังวล มีเพียงบัณฑิตจบใหม่ที่อาจหางานยากขึ้น คาดว่าในระยะสั้น (1-2 ปี) จะยังไม่มีการลดคนอย่างรวดเร็ว ยกเว้นเมื่อ AI เก่งขึ้น ผลกระทบต่อการจ้างงานจะมากขึ้น

จากผลสำรวจที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ได้ร่วมกับ สถาบันไอเอ็มซี ทำการศึกษาและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลปี 2567 พบว่ามูลค่ารวมของตลาดฮาร์ดแวร์ได้ก้าวขึ้นไปถึง 1.8 ล้านล้านบาท และมีการเติบโตของการนำเข้าถึง 34% และส่งออก 23% ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดที่น่าสนใจมาก

***5 ปัจจัยดันฮาร์ดแวร์ไทยบูม

การศึกษาพบว่าตัวเลขการส่งออก-นำเข้าฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของไทยนั้นมีปัจจัยมากกว่า 5 ส่วนที่ส่งผล ได้แก่ 1. อิทธิพลของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) ซึ่งกระตุ้นความต้องการของอุตสาหกรรมให้เติบโต 2. ความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการใช้งานข้อมูลที่มากขึ้นจากนวัตกรรมต่างๆ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทยเป็นผู้ผลิต Hard Disk รายหลักของโลกอยู่แล้ว ทำให้มีความต้องการอุปสงค์ของหน่วยจัดเก็บข้อมูลสูงขึ้น

รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี กับตัวเลขอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย
3. การเติบโตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เพราะแม้ว่าการผลิตคอมพิวเตอร์จะลดลง แต่ภาคส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 16.9% ซึ่งมีส่วนผลักดันมูลค่าการส่งออกฮาร์ดแวร์โดยรวม 4. วัฏจักร 10 ปี ที่เป็นช่วงเวลาที่ทำให้โลกต้องการฮาร์ดแวร์มากขึ้น และ 5. การเติบโตในทุกหมวดย่อย โดยเฉพาะอุปกรณ์ต่อพ่วง (peripheral) ที่มูลค่ารวมเติบโตถึง 25% แม้จำนวนชิ้นจะลดลง รวมถึง Smart Device และ Robot & Automation ที่มีการเติบโตของมูลค่าเช่นกัน

***ตัวเลขดูดี แต่ยังน่าเป็นห่วง

รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี กล่าวถึงตัวเลขรายได้อย่างเป็นทางการที่สำรวจได้ โดยยอมรับว่าอาจมีตัวเลขแฝงในรายได้ของบริษัทบางส่วนที่ทีมวิจัยยังไม่ทราบ ซึ่งโดยภาพรวมแล้ว พบว่ารายได้บริษัทไอทีในประเทศไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงการส่งออกที่ดีขึ้นในทางเดียวกัน

การส่งออกและนำเข้าฮาร์ดแวร์ ซึ่งเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในไทยนั้นส่งผลให้มูลค่าตลาดฮาร์ดแวร์รวมของประเทศเพิ่มเป็น 1.8 ล้านล้านบาท คาดว่าจะเติบโต 6-7% ไปถึง 2.2 ล้านล้านบาทภายในปี 2570

"ตัวเลขเหล่านี้อาจไม่ได้สะท้อนสถานการณ์ในปีหน้า 100% โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิจารณาปัจจัยเรื่องภาษีของทรัมป์ที่จะเข้ามา ตัวเลขที่ได้มาเป็นข้อมูลดิบและงบการเงินของบริษัทต่างๆ ซึ่งอาจมีตัวเลขแฝง แต่ก็ยังถือว่ามีสัญญาณที่ดี"

รศ.ดร.ธนชาติ ให้ข้อมูลว่าปัจจุบัน อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์มีบริษัทจดทะเบียนในไทยกว่า 14,000 แห่ง โดยมีราว 9,000 แห่งเท่านั้นที่ส่งงบการเงิน และมีรายได้รวม 233,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.46%

มูลค่าการส่งออกสินค้าปี 67 ระหว่างประเทศจีน ไทย และสหรัฐอเมริกา
สำหรับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ อ.ธนชาติมองว่าการเติบโตนั้นสมเหตุสมผล เนื่องจากการเข้ามาของ AI และ Data Center โดยมูลค่าตลาดซอฟต์แวร์คาดว่าจะเติบโต 4-6% จาก 2.3 แสนล้านบาทเป็น 2.7 แสนล้านบาทภายในปี 2570 และบริการดิจิทัลจะเติบโตสูงสุด 10-14% ต่อปี จาก 36,000 ล้านบาทเป็น 51,000 ล้านบาทภายในปี 2570

ในระยะเวลา 1-2 ปีจากนี้ รศ.ดร.ธนชาติเชื่อว่าภาษีการค้าอาจยังไม่มีผลกระทบต่อการย้ายฐานการผลิตในภูมิภาคมากนัก เนื่องจากอัตราภาษีในอาเซียนนั้นใกล้เคียงกัน ยกเว้นการพิจารณาย้ายฐานการผลิตกลับไปที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งยังต้องใช้เวลานานในการดำเนินการ

"ตัวเลขอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยจำนวนบุคลากรในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน"

เมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดจากการสำรวจครั้งนี้? รศ.ดร.ธนชาติ ชี้ว่าสิ่งที่ตกใจเล็กน้อยคือตัวเลขการส่งออกฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่จำนวนพนักงานในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์โดยรวมลดลง 5% โดยเฉพาะในส่วนการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สิ่งนี้สะท้อนว่าอาจมีการนำระบบ Automation เข้ามาใช้มากขึ้น ซึ่งเป็นผลพวงจาก AI

"อุปสรรคในการสำรวจ คือการที่บางบริษัทขนาดใหญ่ (ประมาณ 4 แห่ง) ปฏิเสธการให้ข้อมูล ซึ่งบริษัทเหล่านี้ล้วนมีรายได้เพิ่มขึ้นแต่กลับลดคน"

รศ.ดร.ธนชาติไม่ได้มองว่าผลสำรวจปี 67 นั้นน่าเป็นห่วงที่สุดเท่าที่เคยสำรวจมา
ทั้งหมดนี้ รศ.ดร.ธนชาติไม่ได้มองว่าผลสำรวจปี 67 นั้นน่าเป็นห่วงที่สุดเท่าที่เคยสำรวจมา โดยฝั่งซอฟต์แวร์และอุตสาหกรรมดิจิทัลโดยรวมยังไม่มีอะไรน่ากังวล เนื่องจาก AI มีส่วนช่วยผลักดันทำให้ไม่ตกต่ำลง

"สิ่งที่น่ากังวลคือเรื่องการจ้างงานในอนาคต การจ้างงานอาจลดลง แต่ยังไม่เห็นผลในระยะสั้น คืออุตสาหกรรมจะเติบโตขึ้น แต่การจ้างงานคนจะไม่เติบโตตาม น่ากลัวสำหรับบัณฑิตจบใหม่ที่อาจหางานยากขึ้น"

แม้ในระยะนี้ รศ.ดร.ธนชาติ จะเชื่อว่าอุตสาหกรรมไอทีไทยยังไม่มีการลดคนอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อ AI เก่งขึ้นเรื่อยๆ ผลกระทบต่อการจ้างงานย่อมมีมากขึ้น เนื่องจาก AI เข้ามาทำงานง่ายๆ แทน โดยอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์อาจได้รับผลกระทบอย่างมากจาก AI ทำให้ชะลอการจ้างงานหรือจ้างเฉพาะผู้ที่มีทักษะสูง

เบื้องต้น มีการคาดการณ์ว่าจำนวนบุคลากรในตลาดซอฟต์แวร์จะเพิ่มขึ้น 30,000 คน และบริการดิจิทัล 15,000 คน แต่กลุ่มฮาร์ดแวร์อาจเพิ่มขึ้นเพียง 1.6-3.3% หรือไม่เติบโตเลย รวมถึงดิจิทัลคอนเทนต์ ที่อาจไม่เติบโตเลยในแง่ของจำนวนคน

สำหรับอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ คาดการณ์ว่าดิจิทัลคอนเทนต์ไทยจะเติบโตประมาณ 15% จาก 50,000 ล้านบาท เป็น 56,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 โดยจำนวนพนักงานในปัจจุบันอยู่ในระดับทรงตัว คือลดลงไม่ถึง 1% และ คาดการณ์ว่าจำนวนบุคลากรในกลุ่มดิจิทัลคอนเทนต์ "อาจจะไม่เติบโตเลย" ภายใน 3 ปีข้างหน้า.


กำลังโหลดความคิดเห็น