ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) หรือ FUJIFILM BI เผยประเทศไทยเป็นแชมป์ตลาดที่มีผู้ใช้งานโซลูชันจัดการเอกสารดิจิทัล “FUJIFILM IWpro” มากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ย้ำสัญญาณบวกตลาดไอทีไทยคึกคักสวนทางกระแสธุรกิจรัดเข็มขัดสู้พิษเศรษฐกิจช่วงปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าปีนี้รายได้กลุ่มโซลูชันธุรกิจเติบโต 13.8% ทั้งซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ไอที พร้อมเทงบปั้นแบรนด์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ปี
น.ส.ธีรยา สุขมาก ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแผนดำเนินงานของ FUJIFILM BI ว่าเตรียมลงทุนครั้งใหญ่ในตลาดไทย เพื่อสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภครับรู้ว่าฟูจิฟิลม์เป็นผู้เล่นรายหลักในตลาดโซลูชันธุรกิจ โดยจะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการรีแบรนด์จากฟูจิซีรอกซ์ในปี 2021 ขณะเดียวกัน จะมุ่งพัฒนาทักษะ เสริมจุดแข็ง ยกระดับซอฟต์แวร์ที่ฟูจิฟิลม์มี รวมถึงร่วมมือพันธมิตรเพื่อให้ลูกค้าได้โซลูชันที่เหมาะสม เบื้องต้นตั้งเป้าเพิ่มยอดขายธุรกิจ Business Innovation ให้มากกว่าอัตราการเติบโตของ GDP ประเทศไทย โดยวางแผนดันรายได้รวมให้เพิ่มขึ้น 3.2%.จากปีที่แล้วที่ทำได้ 2.73 แสนล้านบาท
“รายได้เราได้มาจาก 3 ธุรกิจหลัก คือโซลูชันธุรกิจที่มีอยู่แล้วในมือ อีกส่วนคือโซลูชันด้านเอกสารและสำนักงาน เช่น เครื่องพรินเตอร์และมัลติฟังก์ชัน และอีกกลุ่มคือกราฟิกคอมมูนิเคชัน ที่มีลูกค้าเป็นกลุ่มธุรกิจการพิมพ์ โดยปีที่แล้ว เราทำรายได้ 40% ของรายได้รวมฟูจิฟิล์มโฮลดิ้งส์ เราเป้าหมายปีนี้จะโต 3.2% อย่างน้อย เทียบได้กับจีดีพีที่ประเทศไทยเชื่อว่าจะเติบโต 3.4% แต่เราวางไว้ที่ 3.2%”
รายได้รวมฟูจิฟิล์มโฮลดิ้งส์ที่ธีรยากล่าวถึงคือ FUJIFILMS Holdings ซึ่งเป็นร่มใหญ่ของธุรกิจแบรนด์ฟูจิฟิล์ม (FUJIFILM) หลังจากเริ่มต้นธุรกิจในไทยช่วงปี 1962 จนมีประวัติยาวนาน 62 ปี ฟูจิฟิล์มได้เข้าซื้อหุ้น 100% จาก Xerox Corporation และตั้งแต่เดือนเมษายน 2021 ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจากฟูจิซีร็อกซ์ (Fuji Xerox) เป็นฟูจิฟิล์ม บิสสิเนส อินโนเวชัน (Fujifilm Business Innovation)
ในร่มใหญ่ FUJIFILMS Holdings ทำรายได้ปี 2023 มากกว่า 6.97 แสนล้านบาท แหล่งรายได้ใหญ่ที่สุดมาจากธุรกิจ Business Innovation คือ 39% คิดเป็น 2.73 แสนล้านบาท นอกนั้นมาจากธุรกิจเฮลท์แคร์ 33% ธุรกิจด้านภาพ 15.9% และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวัสดุ 12.1%
จากความเด่นเรื่องฮาร์ดแวร์ ที่บริษัทสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในตลาดเครื่องพิมพ์ A4, A3 และเครื่องพิมพ์โปรดักชันสำหรับใช้กับโรงพิมพ์ขนาดใหญ่ วันนี้ FUJIFILM BI ตั้งเป้าเป็นผู้เล่นหลักที่โกยส่วนแบ่งการตลาดโซลูชันเพื่อธุรกิจและบริการของประเทศไทย
น.ส.ทิพย์อาภา ลชิตาวงศ์ ผู้จัดการการตลาดด้านผลิตภัณฑ์โซลูชั่น บริษัท ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่าการใช้จ่ายด้านไอทีของประเทศไทยปี 2024 มีแนวโน้มที่มูลค่าจะเกิน 1 ล้านล้านบาทเป็นครั้งแรก คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 5.8% โดยแบ่งเป็นการใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นอีก 15.9%
“เศรษฐกิจไม่ดี แต่ไอทียังเป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรยังใช้จ่าย โดยเฉพาะการใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ที่มีแนวโน้มไปได้ดี เราต้องการโตกว่าเทรนด์ของตลาด ตลาดไทยเติบโต 5.8% แต่เราต้องการเข้าไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมธุรกิจไทย เราต้องการโต 13.8% คือเติบโตเป็นเลข 2 หลัก”
ทิพย์อาภายังยกข้อมูลจากการ์ทเนอร์ (Gartner) ที่ชี้ว่าซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ไทยนั้นมีมูลค่าตลาดกว่า 2.42 แสนล้านบาท ขณะที่การใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในปี 2023 อยู่ที่ 1.18 พันล้านบาท คาดการณ์ว่าตลาดจะมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ในช่วงปี 2023 ถึง 2027 อยู่ที่ 43.1%
ในอีกด้าน ข้อมูลจาก IDC ชี้ว่า Public Cloud ในปี 2023 มีรายได้ตลาดรวม 6.55 หมื่นพันล้านบาท และคาดการณ์ว่าตลาดจะมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ในช่วงปี 2024-2029 อยู่ที่ +19.6% และคิดเป็นค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อพนักงาน 1,628 บาท
สำหรับเป้าหมายในปีนี้ FUJIFILM BI คาดการณ์การเติบโตของรายได้จากกลุ่มโซลูชันทางธุรกิจอยู่ที่ 13.8% ซึ่งจะครอบคลุมทั้งด้านซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์ไอที นอกจากนี้ ในขณะที่พอร์ตโฟลิโอทางธุรกิจของ FUJIFILM BI มีการเปลี่ยนแปลง เห็นได้จากตัวเลขปีงบประมาณ 2019 ที่รายได้จากโซลูชันและบริการคิดเป็น 22% ของรายได้รวม โดยในปีงบประมาณ 2024 บริษัทตั้งเป้าให้รายได้จากโซลูชันคิดเป็น 29% และเรือธงที่จะทำให้รายได้จากโซลูชันเพิ่มขึ้น คือโซลูชันชื่อไอดับริวโปร์ (IWpro)
FUJIFILM IWpro ถือเป็นคลาวด์โซลูชันแบบครบวงจรที่เน้นความปลอดภัยทางข้อมูลสูง ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานรูปแบบเดิมของพนักงานที่ต้องทำงานเอกสารต่างๆ ด้วยกระดาษ ให้เปลี่ยนเป็นการทำงานในรูปแบบดิจิทัล
“IWpro มีผู้ใช้เกิน 1,000 รายแล้วในเอเชียแปซิฟิก โดย 428 รายเป็นผู้ใช้ในไทย ประเทศไทยถือเป็นตลาดเบอร์ 1 ในภูมิภาค ที่ผ่านมาตลาดโซลูชันไทยมีขนาดใหญ่เพราะมีเอสเอ็มอีค่อนข้างมาก อีกปัจจัยคือพนักงานขายของ FUJIFILM BI มีความกระตือรือร้นมากในการนำเสนอ”
ทิพย์อาภา ระบุว่า สัดส่วนใหญ่ของผู้ใช้ IWpro วันนี้อยู่ในภาคการผลิต ธุรกิจให้บริการทั่วไป และเอสเอ็มอี แพกเกจที่ได้รับความนิยมคือระบบจัดการอุปกรณ์ (Device) และการพิมพ์ (Print) ในอนาคตจะเน้นขยายการใช้งานแพกเกจดิจิทัลเวิร์กเพลสที่มีค่าบริการแพงขึ้น นั่นคือ Light และ Standard โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่บริษัทจะมุ่งทำตลาดประกอบด้วยกลุ่มยานยนต์ กลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า โลจิสติกส์ ประกัน สถาบันการเงิน และอสังหาฯ
ปัจจุบัน FUJIFILM BI มีพนักงานรวม 1,200 คน ในจำนวนนี้เป็นฝ่ายขาย 200 คน และวิศวกร 250 คน บริษัทมีดีลเลอร์มากกว่า 400 ราย ซึ่งจะทำงานร่วมกับ FUJIFILM BI ที่มี 6 สาขาในกรุงเทพฯ และ 11 สาขาในเมืองหลัก รวมให้บริการลูกค้าเกิน 1 หมื่นยูสเซอร์ในประเทศไทย