xs
xsm
sm
md
lg

‘Galaxy for Work’ กลยุทธ์ซัมซุง เจาะตลาดองค์กร (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โจทย์ที่ยากที่สุดของฝ่ายธุรกิจองค์กร ‘Samsung’ ที่จะปลุกปั้นให้หน่วยงาน หรือภาคธุรกิจเห็นความสำคัญของการนำดีไวซ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในเอ็นเตอร์ไพรส์โดยเฉพาะในยุคที่สมาร์ทโฟนแฟลกชิปดีไวซ์ของ Galaxy A ซีรีส์ และ Galaxy S ซีรีส์ มีความแข็งแรงในตลาดคอนซูเมอร์เป็นอย่างมาก กลายเป็นความท้าทายที่เกิดขึ้น ท่ามกลางโอกาสในการเติบโตเนื่องจากไม่มีคู่แข่งโดยตรงที่แข็งแรง

ในยุคการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีก่อนหน้านี้ ที่กระตุ้นให้เกิดการ BYOD หรือ Bring your own Device ที่นำอุปกรณ์ที่ใช้งานส่วนตัวมาใช้ทำงานด้วย ทำให้ภาพของการมีดีไวซ์แยกเฉพาะสำหรับการทำงานเริ่มเลือนหายไป เพราะระบบไอทีในยุคใหม่สามารถบริหารจัดการดีไวซ์ และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ในทุกรูปแบบงานที่สามารถนำดีไวซ์ส่วนตัวมาเพื่อใช้งานได้ ทำให้ที่ผ่านมา ซัมซุงได้มีการเพิ่มทางเลือกอย่างสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตที่มีความทนทานเป็นพิเศษ (Galaxy Rugged) ออกสู่ตลาดในกลุ่มผู้ใช้งานภาคสนามที่ต้องการความสมบุกสมบัน


สิ่งที่สะท้อนถึงความสำเร็จ และความยิ่งใหญ่ในกลุ่มธุรกิจองค์กรของซัมซุงต้องย้อนไปถึงเหตุการณ์เรือเฟอร์รี่เซวอลล่ม ที่เกาหลีใต้ในปี 2014 ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น และส่งผลกระทบถึงหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้เริ่มวางโครงข่ายสื่อสารเพื่อความปลอดภัยสาธารณะขึ้นเพื่อรับมือภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ก่อนที่ในปี 2016 ซัมซุงเป็นผู้ที่ได้รับเลือกในการวางโครงข่าย Public Safety พร้อมนำอุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่ออกแบบเฉพาะในตระกูล Rugged ให้หน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ นักดับเพลิง ทหาร จนถึงหน่วยงานท้องถิ่นต่างๆ

ฟีเจอร์เด่นที่กลายเป็นจุดขายขึ้นมาของสมาร์ทโฟนซัมซุงที่นำไปใช้งานเพื่อความปลอดภัยสาธาณะคือระบบวอล์กกี้ ทอล์กกี้ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ที่ช่วยให้หน่วยงานต่างๆ สามารถสื่อสารหากันได้บนโครงข่ายพิเศษ และช่วยยกระดับความปลอดภัยสาธารณะในเกาหลีใต้จนเป็นที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

***สร้างการรับรู้ให้ภาคธุรกิจ

กลับมาที่สถานการณ์ในประเทศไทยปัจจุบันในปี 2024 นี้ นับเป็นปีแรกที่ซัมซุง ประเทศไทย มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุ่มองค์กรธุรกิจ (Galaxy Enterprise Edition) ที่ครบไลน์เป็นครั้งแรก กล่าวคือมีให้เลือกตั้งแต่สมาร์ทโฟนในรุ่นเริ่มต้นอย่าง Galaxy A15 ไปจนถึงรุ่นแฟลกชิปอย่าง Galaxy S23 FE รวมถึงในกลุ่มแท็บเล็ต ที่มีให้เลือกทั้ง Tab A ซีรีส์ และ Tab S ซีรีส์


ภาณุพัฒน์ เกษมสุข หัวหน้ากลุ่มธุรกิจองค์กร โมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ในปัจจุบันของดีไวซ์ในตลาดองค์กรเวลานี้จะเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากยุคของ BYOD ที่เปิดทางให้พนักงานสามารถนำดีไวซ์ที่ใช้งานอยู่เดิมมาเชื่อมต่อกับระบบของบริษัท ทำให้หลังจากนี้ ซัมซุง บิสสิเนส จะเน้นสร้างการรับรู้ (Awareness) ให้มากขึ้นเป็นหลัก

โดยในตอนนี้สัดส่วนรายได้จากดีไวซ์ในส่วนขององค์กรธุรกิจจะอยู่ที่ราว 5% เนื่องจากข้อจำกัดในแง่ของรุ่นที่มีตัวเลือกให้ใช้งานไม่ครอบคลุมมากนัก ซัมซุงจึงคาดว่าหลังจากนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายขึ้นจะสามารถสร้างการเติบโตในปีนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 20% ด้วยงบลงทุนทางด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 30%

“แนวทางการทำตลาดของสินค้าในกลุ่มธุรกิจ คือการนำแคมเปญอย่าง Galaxy for Work ไปสร้างการรับรู้ถึงไลน์อัปผลิตภัณฑ์ รวมถึงการทำกิจกรรมโรดโชว์ร่วมกับพาร์ตเนอร์เพื่อนำเสนอโซลูชันการทำงานในแต่ละอีโคซิสเต็ม ซึ่งจากประสบการณ์ในการทำตลาดหลากหลายประเทศ เชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในจุดแข็งในทุกๆ อุตสาหกรรม”


ภายใต้แพลตฟอร์ม Samsung ONE ที่นำเสนอไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา จะเปิดทางให้พาร์ตเนอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลว่าสินค้าแต่ละประเภทสามารถนำไปใช้ทำอะไรได้บ้าง รวมถึงการทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับพาร์ตเนอร์มากขึ้น

เบื้องต้น ซัมซุงสนใจที่จะนำสินค้าในกลุ่ม Galaxy for Work เข้าไปทำตลาดในธุรกิจค้าปลีก โรงงานผลิต ภาคธนาคารและการเงิน รวมถึงเฮลท์แคร์ และหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีบุคลากรหน้างานเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าและประชาชน

***ตอบโจทย์ Flexible Workplace

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซัมซุงมองเห็นโอกาสของการที่องค์กรธุรกิจจะตอบรับกับดีไวซ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในกลุ่มเอ็นเตอร์ไพรส์โดยเฉพาะ มาจากผลสำรวจที่พบว่าองค์กรสมัยใหม่จะมีลักษณะของ Flexible Workplace ที่เน้นความยืดหยุ่นไม่จำกัดในเรื่องของสถานที่ และกว่า 82% ขององค์กรเริ่มให้ความสำคัญกับนโยบายนี้

ขณะเดียวกัน จากผลสำรวจยังพบว่า พนักงานกว่า 89% ให้ความเห็นว่าอุปกรณ์สื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดย 71% ช่วยให้สามารถบริการลูกค้าได้ดีขึ้น ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ทันที รวมถึงการเสริมสร้างความพึงพอใจของพนักงานด้วย


โดยจุดแข็งของทั้ง Galaxy Enterprise Edition คือจะมีการการเพิ่มซอฟต์แวร์ KNOX Suite เข้าไปให้ฝ่ายไอที หรือหน่วยงานที่ดูแลสามารถบริหารจัดการสมาร์ทดีไวซ์ทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เพื่อให้ควบคุมการทำงานได้จากระยะไกล (Remote Access) ช่วยลดความยุ่งยากในการติดตั้ง และการอัปเดตซอฟต์แวร์ในองค์กรที่มีการใช้งานดีไวซ์หลักร้อยเครื่องขึ้นไป


ในขณะที่กลุ่มของ Galaxy Rugged Series จะเป็นสินค้าที่มีความทนทานเพิ่มมากขึ้น เหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่มีความสมบุกสมบัน อย่างในสายโรงงานผลิต หรือหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ จากการที่ตัวเครื่องผ่านการทดสอบมาตรฐานทางทหาร MIL-STD-810G นอกจากนี้ ซัมซุงยังเพิ่มระยะเวลาการรับประกันเป็น 2 ปี ช่วยเพิ่มความมั่นใจสำหรับธุรกิจองค์กร และที่สำคัญคือในกรณีที่เครื่องมีปัญหาสามารถเข้าไปใช้ศูนย์บริการซัมซุงที่มีครอบคลุมทั่วประเทศได้ทันที

ทั้งนี้ ไลน์อัปปัจจุบันของ Galaxy Enterprise Edition ประกอบด้วย Galaxy S23 FE EE, Galaxy A15 EE, Galaxy Tab A9 EE, Galaxy Tab S9 FE EE และ Galaxy Rugged Series ประกอบด้วย Galaxy XCover6 PRO, Galaxy Tab Active4 PRO รวมถึงรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ ได้แก่ Galaxy XCover7 และ Galaxy Tab Active5


กำลังโหลดความคิดเห็น