ในยุคปัจจุบันที่ทุกสิ่งเชื่อมถึงกัน ผู้คนทั่วโลกต่างนิยมใช้สมาร์ทดีไวซ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน โทรทัศน์ ตู้เย็น ไปจนถึงหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำความสะอาด ทำให้จำนวนสมาร์ทดีไวซ์ทั่วโลกมีมากกว่า 15,000 ล้านชิ้น ในอีกมุมหนึ่งซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ การโจมตีทางไซเบอร์ทั่วโลกก็เพิ่มขึ้นด้วย
ข้อเท็จจริงเหล่านี้สะท้อนชัดว่า ผู้นำที่เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีจำเป็นจะต้องสร้างสรรค์และมอบประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีบทบาทในทุกด้านของชีวิต โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลส่งผลให้ทั้งบุคคลและองค์กรต่างๆ ต้องเผชิญกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวอย่างต่อเนื่อง
จากการสำรวจโดยคลาวด์แฟลร์ (Cloudfalre) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 ระบุว่า 78% ของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ 4,000 คนจาก 14 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม กล่าวว่า พวกเขาเคยพบเหตุการโจมตีทางไซเบอร์อย่างน้อย 1 ครั้งในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา รายงานเดียวกันนี้ยังระบุว่า ใน 14 ประเทศนี้ เป็นการโจมตีผ่านเว็บไซต์เป็นบ่อยครั้งที่สุด 60% และเป้าหมายหลักในการโจมตีคือการฝังสปายแวร์ 59%
นวัตกรรมด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่สุดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อปกป้องประสบการณ์ออนไลน์ของทุกคน ไม่ว่าจะใช้งานในอุปกรณ์ใด อีกทั้งยังช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยไม่ส่งผลต่อความเป็นส่วนตัว ความสะดวก และผลิตภาพตลอดทุกจุดในอีโคซิสเต็ม ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ใดๆ
คาร์ล นอร์เดนเบิร์ก หัวหน้าธุรกิจโมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ระดับภูมิภาคของซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย กล่าวว่า ซัมซุงเชื่อมั่นว่าความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนก่อให้เกิดโซลูชันที่ดียิ่งขึ้น นอกเหนือจากการมอบอิสระให้ผู้ใช้ปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์มือถือ
“อีโคซิสเต็มแบบเปิดยังเอื้อต่อการสร้างระบบความปลอดภัยที่ดีขึ้น เปิดกว้างมากขึ้น ไร้ปัญหาใดๆ และเพื่อมอบความปลอดภัยไม่สิ้นสุด ซัมซุงทำงานอย่างต่อเนื่องกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมเพื่อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ พร้อมให้ความสำคัญกับระบบป้องกันตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความส่วนตัวในแบบที่ต้องการมากที่สุด”
ปัจจุบัน ซัมซุงให้บริการ Samsung Knox แพลตฟอร์มความปลอดภัยแก่ภาคธุรกิจ ในการป้องกันแบบองค์รวมในอุปกรณ์ Galaxy สะท้อนให้เห็นว่าซัมซุงพร้อมแล้วสำหรับบทบาทเชิงรุกด้านการขจัดภัยคุกคามให้ผู้บริโภค และพร้อมนำเสนอนวัตกรรมความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวแบบเป็นองค์รวมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้สร้างโอกาสได้เต็มที่ ในโลกยุคนี้ที่เชื่อมต่อกันได้อย่างไร้ขีดจำกีด
โดยในอัปเดตล่าสุด Knox Matrix สำหรับผู้ใช้ One UI 6 ได้เพิ่มคุณสมบัติของครีเดนเชียลซิงก์ (Credential Sync) ที่จะช่วยปกป้องข้อมูลเชิงลึก ที่สามารถเข้าและถอดรหัสได้โดยใช้อุปกรณ์ของซัมซุงเท่านั้น แม้เซิร์ฟเวอร์จะถูกจู่โจมหรือมีการขโมยข้อมูลบัญชี คุณสมบัตินี้จะช่วยให้ข้อมูลมีความปลอดภัย เพราะจะมีเพียงผู้ใช้เท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลที่ถ่ายโอนระหว่างอุปกรณ์ Galaxy เช่น อุปกรณ์มือถือ ทีวี และตู้เย็นแฟมิลี่ฮับ
ไม่เพียงเท่านั้น Knox Matrix ยังเพิ่มความสะดวกสบายในการแชร์ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านต่างๆ ระหว่างอุปกรณ์โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย ผู้ใช้จะค้นพบวิธีใหม่ในการจัดการและปกป้องตัวตน รวมถึงชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านต่างๆ โดยใช้พาสคีย์ ซึ่งสิ่งนี้เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่มาพร้อมระบบครีเดนเชียลซิงก์ ในขั้นตอนก่อนเข้าสู่การเข้าใช้บัญชีต่างๆ โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน
ในกรณีที่อุปกรณ์สูญหาย ถูกขโมย หรือแม้แต่กรณีที่ฮาร์ดแวร์ถูกจู่โจมเพื่อเจาะข้อมูลส่วนตัวด้วยเครื่องมือระดับสูง Samsung Knox Vault ยังสามารถปกป้องข้อมูลสำคัญในอุปกรณ์ไว้ได้ Knox Vault เป็นระบบพื้นฐานของฮาร์ดแวร์ที่ช่วยป้องกันการถูกเจาะ โดยสามารถปกป้องข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนลงไปที่หน้าจอล็อก เช่น พิน รหัสผ่าน และการลากเส้นเพื่อปลดล็อกจอ
นอกจากนี้ ใน One UI 6 ซัมซุงยังเสริมความแข็งแกร่งของระบบความปลอดภัยช่วยให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Galaxy สามารถเลือกได้ว่าจะให้แอปใดเข้าถึงข้อมูลได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงคุณสมบัติออโต้บล็อกเกอร์ (Auto Blocker) ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งระบบความปลอดภัย และคุณสมบัติของอุปกรณ์ได้ ป้องกันการโจมตีช่องโหว่แบบซีโร่คลิกจากแอปรับส่งข้อความชื่อดังจากนักพัฒนาภายนอก เช่น เมสเซนเจอร์ วอทส์แอป และเทเลแกรม