xs
xsm
sm
md
lg

เครื่องหิ้ว 2 แสน! 5 ข้อจำกัด ‘Vision Pro’ ใช้งานในไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังจากที่แอปเปิล (Apple) เริ่มวางจำหน่ายสินค้าในยุคใหม่ของบริษัทอย่าง Vision Pro แว่นตาที่แอปเปิลเรียกว่า ‘Spatial Computing’ ซึ่งเป็นการผสมผสานโลกของ AR และ VR เข้าด้วยกัน และนำเสนอประสบการณ์ใหม่ที่ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ในอีโคซิสเต็มของ Apple

เพียงแต่ข้อจำกัดสำคัญในการทำตลาดของ Vision Pro คือ Apple เลือกที่จะเริ่มทำตลาดเฉพาะในสหรัฐฯ ก่อนเพียงประเทศเดียว และยังไม่เปิดเผยว่าจะมีการวางจำหน่ายประเทศอื่นๆ เมื่อใด ซึ่งรวมถึงประเทศไทยที่ยังไม่มีแนวโน้มเข้ามาทำตลาดในระยะเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน

เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำให้ปัจจุบันเริ่มเห็นพ่อค้าแม่ค้ามีการนำเครื่องหิ้ว หรือเครื่องที่นำเข้าประเทศโดยไม่เสียภาษีเข้ามาจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ พร้อมกับขึ้นราคาสินค้าจากปกติเมื่อรวมภาษีในสหรัฐฯ แล้วจะอยู่ราว 130,000 บาท แต่ในไทยราคาขายเครื่องหิ้วอยู่ที่ราว 200,000-240,000 บาท

ทีนี้ มาดูถึงข้อจำกัดในการใช้งานของ Vision Pro สำหรับผู้ที่มีแผนจะเดินทางไปสหรัฐฯ และซื้อกลับมาฝากคนรู้จักนำกลับมา หรือแม้กระทั่งซื้อเครื่องหิ้วที่นำเข้ามาขายในไทยอย่างไม่เป็นทางการก็ตาม

1.รองรับ App Store เฉพาะสหรัฐฯ


ปัญหาสำคัญในการนำ Vision Pro กลับมาใช้งานเลย มาจากการที่ปัจจุบันวางจำหน่ายเฉพาะในสหรัฐฯ ทำให้ต้องใช้งานร่วมกับ Apple ID ที่ลงทะเบียนในสหรัฐฯ เท่านั้น ทำให้ถ้าต้องการเข้าถึงแอป หรือคอนเทนต์หนัง หรือเพลง จะต้องมีการแยกสมัคร Apple ID ไปเพื่อใช้งาน


ซึ่งอาจส่งผลให้ประสบการณ์ในการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ อย่าง iPhone หรือ MacBook ที่ใช้งาน Apple ID ในไทย สามารถซิงค์ข้อมูลข้ามไปใช้งานร่วมกันได้ ในกรณีที่ใช้งาน Apple ID ไทย จะทำได้เพียงใช้งานร่วมกับแอปที่ติดตั้งมาในเครื่องเท่านั้น ไม่สามารถโหลดแอปอื่นๆ เพิ่มเติมได้ จนกว่าจะมีการทำตลาดนอกสหรัฐฯ

2.ใช้งานได้เฉพาะภาษาอังกฤษ


ข้อจำกัดที่ตามมาจากการวางจำหน่ายเฉพาะในสหรัฐฯ คือปัจจุบัน Vision Pro จะรองรับการสั่งงาน Siri หรือการแสดงผลภาษาต่างๆ ในเครื่องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ซึ่งรวมถึงคีย์บอร์ดเสมือนที่ใช้ในการพิมพ์ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ใช้งานร่วมกับ MacBook Pro ที่ใช้การแชร์หน้าจอจากเครื่อง Mac มาแสดงผลจะยังใช้การป้อนข้อมูล และแทร็กแพดของเครื่องเพื่อพิมพ์ข้อความได้ปกติ

3.ขนาดสวมใส่เฉพาะบุคคล


เนื่องจาก Vision Pro เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ต้องมีการวัดไซส์ ทั้งขนาดของที่ครอบตา (Light Seal) และขนาดของสายรัด (Bands) ทำให้ในก่อนที่จะสั่งซื้อผู้ใช้งานต้องใช้การสแกนใบหน้า คล้ายๆ กับ Face ID บน iPhone เพื่อประเมินขนาดของใบหน้า และศีรษะก่อน


ทำให้ในการซื้อ Apple ถึงแนะนำให้ไปรับเครื่องที่สาขา เพื่อวัดขนาดให้เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลต่อประสบการณ์ในการใช้งาน เนื่องจากตัว Light Seal จะเป็นส่วนที่สัมผัสกับโครงหน้าของแต่ละบุคคลโดยตรง มีหน้าที่ป้องกันแสงจากภายนอกไม่ให้เล็ดลอดเข้าไป ดังนั้นถ้า Light Seal ไม่พอดี หรือแน่นเกินไปจะทำให้การสวมใส่ใช้งานไม่สบาย

รวมถึงในส่วนของสายรัดศีรษะ ที่แม้ว่าจะสามารถปรับรัดเข้าออกได้ แต่เนื่องจากขนาดศีรษะของแต่ละคนไม่เท่ากัน ทำให้ในกรณีที่สั่งซื้อเครื่องหิ้วจะต้องมีการวัดขนาดไปในระดับหนึ่ง เพื่อให้สามารถสั่งมาใช้งานได้พอดี

4.เลนส์สายตาพิเศษ ใช้ร่วมกันไม่ได้


อีกจุดที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องของเลนส์สายตา ซึ่งในข้อนี้จะห้ามไปสำหรับคนที่มีสายตาปกติ เพราะไม่ได้มีข้อจำกัดในแง่ของการมองเห็น แต่ถ้าเป็นคนที่มีปัญหาค่าสายตา ในการใช้งาน Vision Pro จะต้องมีการใช้งานร่วมกับเลนส์พิเศษ ที่แอปเปิลทำงานร่วมกับ ZEISS ที่มีจำหน่ายแยกเข้าไปอีก

โดยเลนส์พิเศษนี้จะไม่สามารถใช้งานร่วมกันใน Guest Mode ได้ด้วย เพราะ Apple มองว่าเป็นอุปกรณ์ใช้งานเฉพาะบุคคล ดังนั้นถ้าใครที่มีปัญหาค่าสายตา อาจจะต้องใช้การใส่ร่วมกับคอนแทกต์เลนส์ เพื่อใช้งาน Vision Pro แทน ถ้าไม่สามารถสั่งซื้อเลนส์เฉพาะที่มีค่าสายตาถูกต้องได้

5.รับประกันเฉพาะในสหรัฐฯ

เรื่องของบริการหลังการขายหรือ Apple Support ของ Vision Pro เป็นอีกประเด็นที่ต้องคำนึงถึง เพราะปัจจุบันให้บริการเฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น หมายความว่าในกรณีที่เครื่องมีปัญหา จะต้องถูกส่งกลับไปเคลมในสหรัฐฯ ทำให้ควรต้องระมัดระวังในการใช้งานพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของการตกกระแทก ที่มีโอกาสทำให้หน้าจอแตก เพราะภายนอกของ Vision Pro ในส่วนของจอแสดงผล EyeSight จะเป็นกระจกทั้งหมด


ทั้งนี้ เมื่อ Vision Pro ถือว่าเป็นอุปกรณ์ยุคใหม่ของ Apple การได้สัมผัสประสบการณ์ใช้งานอาจจะช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้งาน และนักพัฒนา ซึ่งถ้าสามารถนำไปต่อยอดได้ การเป็น Early Adopter เพื่อทดลองใช้งานก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

เพราะประสบการณ์ที่ได้จากการใช้งานนับว่าแตกต่างอย่างแท้จริง แต่แน่นอนว่าด้วยราคาจำหน่ายที่ค่อนข้างสูง ถ้าใครที่มีข้อจำกัดทางการเงิน Vision Pro ถือว่ายังไม่ใช่อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องซื้อหามาครอบครองในเวลานี้ จากทั้งการเป็นรุ่นแรก ยังมีโอกาสพัฒนาต่อเนื่องไปในอนาคต และมีโอกาสที่ราคาจะย่อมเยาลงได้


กำลังโหลดความคิดเห็น