เอสไอเอสกลับมาโฟกัสในตลาดสมาร์ทโฟนราคาคุ้มค่า หวังการเติบโตเพิ่มจากมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังได้รับการแต่งตั้งจากเสียวหมี่ ประเทศไทย เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ประเดิมด้วย Redmi 13C เริ่มต้น 3,999 บาท
สมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสภาพตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยว่าอยู่ในช่วงที่จำนวนเครื่องที่จำหน่ายลดลง แต่ในเชิงมูลค่ากลับเพิ่มสูงขึ้น จากการที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก
“เอสไอเอสมองถึงโอกาสในการทำตลาดร่วมกับเสี่ยวหมี่ เพื่อจำหน่ายสมาร์ทโฟน และสินค้าในกลุ่ม AIoT โดยทางเอสไอเอสต้องการที่จะเติบโตในกลุ่มสินค้าสมาร์ทโฟนและสินค้ากลุ่มผู้บริโภค
โดยในปี 2567 นี้ เอสไอเอสจะเดินหน้าขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจสมาร์ทโฟนและสินค้าผู้บริโภคให้เติบโตขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการกำหนดกลยุทธ์ร่วมกันกับพันธมิตรทางการค้า โดยมีทีมกลยุทธ์จากแบรนด์เสี่ยวหมี่ และคู่ค้ารายสำคัญจากทั่วประเทศ
พร้อมกันนี้ ตั้งเป้าว่าจะขยายช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมถึง 6,000 ร้านค้าทั่วประเทศ และคาดว่าจะส่งผลให้สัดส่วนยอดการจำหน่ายสมาร์ทโฟนต่อยอดการจำหน่ายสินค้าไอทีรวมเพิ่มขึ้น
อเล็กซ์ ถัง ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียวหมี่ อินเตอร์เนชันนัล และเสียวหมี่ ประเทศไทย กล่าวว่า กลยุทธ์สำคัญในการทำตลาดสมาร์ทโฟน คือการเลือกเฟ้นสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี และต้องอยู่ในช่วงระดับราคาที่คุ้มค่า พร้อมทำการตลาดด้วยการส่งเสริมการขายที่ครอบคลุมทุกช่องทางจำหน่าย
“เอสไอเอสตอบโจทย์เสี่ยวหมี่ทุกข้อ จึงได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเสี่ยวหมี่ ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ และหวังว่าจะเป็นพันธมิตรทางการค้าที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปด้วยกัน”
เบื้องต้น เอสไอเอสจะเริ่มทำตลาดสมาร์ทโฟนจากเสียวหมี่ ในรุ่น Redmi 13C มือถือที่มากับกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ชิป Mediatek Helio G85 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สี Midnight Black Navy Blue Clover Green
มีให้เลือก 2 สเปก คือ 6GB+128GB ในราคา 3,999 บาท และ 8GB+256GB ในราคา 4,799 บาท พร้อมโปรโมชัน ของสมนาคุณ Redmi 13C Giftbox มูลค่า 299 บาท เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 และมีทำตลาดพร้อมกับโอเปอรเรเตอร์ในราคาเริ่มต้น 1,299 บาท
