‘ฐากร’ เรียก ผอ.สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ชี้แจงกรณีเสนอ ครม.สร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องใหม่ ใช้งบกว่า 1 หมื่นล้านบาท
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (กมธ.อว.) สภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือไปยัง น ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ รศ.ดร.สาโรช รุจิรวรรธน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) เข้าชี้แจงกรณี อว.จะเสนอโครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องใหม่ งบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท ให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ
ทั้งนี้ โครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องใหม่ ระดับพลังงาน 3 พันล้านอิเล็กตรอนโวลต์ หรือ GeV ( Gigaelectron Volt) ซึ่งจะเป็นเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน เครื่องที่ 2 ของประเทศไทย มีแผนที่จะตั้งอยู่ในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) จังหวัดระยอง วัตถุประสงค์เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางวิจัยด้านเทคโนโลยีซินโครตรอนชั้นแนวหน้าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในอนาคต ปัจจุบันสถานะโครงการอยู่ในระหว่างการนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณ และคาดว่าจะเปิดให้บริการแสงซินโครตรอนให้แก่ภาครัฐและเอกชนได้ภายในปี 2577
นายฐากร กล่าวว่า เพื่อให้โครงการดังกล่าวได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ ทางคณะกรรมาธิการจึงทำหนังสือไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ขอให้ผู้อำนวยการสถาบันเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการเพื่อชี้แจงข้อมูล ข้อเท็จจริง หรือแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับโครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงชินโครตรอนในวันพฤหัสบดี ที่ 9 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.30 น.
“โครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน ผมเห็นว่าหากมีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบนิเวศทางวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ จะมีผลต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และคุ้มค่างบประมาณ” นายฐากร กล่าว
ก่อนหน้านี้ ทาง อว. ได้ระบุถึงประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับจากการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องที่ 2 เช่น นวัตกรรมการเกษตร อาหารและสมุนไพร สิ่งแวดล้อม พลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ชีวการแพทย์ เวชสำอางและสุขภาพ มรดกทางวัฒนธรรมและโบราณคดี เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ วัสดุสำหรับการบินและอวกาศ จะช่วยให้นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ของประเทศสามารถวิจัยได้เชิงลึกและหลากหลายมากยิ่งขึ้นและจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมใหม่กว่า 57,000 ล้านบาท