นูทานิคซ์ (Nutanix) ยกเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นเป็นตลาดสำคัญ หลังรายงานผลการดำเนินงานสุดแข็งแกร่งทั่วโลกในไตรมาส 4 ปีการเงิน 2023 ระบุรายได้รวมจากสัญญารายปี (ACV) ทะลุ 279 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 44% ส่งรายรับทั่วโลกเพิ่มอีก 28% เป็น 494 ล้านดอลลาร์ เผยปีหน้ายิ่งบุกหนักตามรอย 3 เทรนด์แรงกระตุ้นตลาดโตทั่วภูมิภาค พร้อมให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นผ่านการเป็นพันธมิตรกับซิสโก้ (Cisco) รวมถึงโซลูชันใหม่ GPT-in-a-Box ที่เน้นลดความซับซ้อนของการนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาใช้ในองค์กร
นายแอรอน ไวท์ ผู้จัดการทั่วไปและรองประธานฝ่ายขาย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น นูทานิกซ์ กล่าวว่า การเติบโตและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในปีงบประมาณ 2023 โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากองค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีให้ทันสมัย และเปิดรับโมเดลการดำเนินงานมัลติคลาวด์แบบไฮบริด เห็นได้จากหลายตลาดในภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตของลูกค้าใหม่ตั้งแต่ 10-30% ทั้งอินเดีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และไต้หวัน
Nutanix มีดีกรีเป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์คลาวด์และโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวอร์จรายใหญ่จากสหรัฐฯ หลักไมล์สำคัญที่บริษัทดำเนินการในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาคือการประกาศเปิดตัว "จีพีที-อิน-อะ-บ็อกซ์" (Nutanix GPT-in-a-Box) ซึ่งเป็นโซลูชันที่มุ่งลดความซับซ้อนของลูกค้าในการนำ AI ทั่วไปมาใช้ โดยการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการรันโมเดลภาษาขนาดใหญ่ให้องค์กร นอกจากนี้ Nutanix ยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระดับโลกกับ Cisco เพื่อเร่งการนำระบบมัลติคลาวด์แบบไฮบริดมาใช้ในตลาดโลก
การร่วมมือกับ Cisco นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ Nutanix ในการขยายข้อเสนอและความร่วมมือในด้านคลาวด์และ AI จุดนี้แอรอนย้ำว่า Cisco และ Nutanix จะร่วมมือเพื่อให้ลูกค้าได้รับโซลูชันไฮเปอร์คอนเวิร์จที่ครอบคลุม เพื่ออำนวยความสะดวกในการปรับปรุงไอทีให้ทันสมัยและการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ
"การรวมเอาโครงสร้างพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์และเครือข่ายที่จัดการโดย SaaS ของ Cisco เข้ากับ Cloud Platform ของ Nutanix จะช่วยให้ลูกค้าได้รับโซลูชันที่ไร้รอยต่อ ทำให้องค์กรมีทางเลือกเพิ่มขึ้นเพื่อการใช้งานที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม"
ข้อมูลเบื้องต้นพบว่า การรองรับเซิร์ฟเวอร์แร็ค และเบลด UCS ของ Cisco ทำให้ความร่วมมือนี้สามารถลดความซับซ้อนและเร่งเวลาให้องค์กรมีโครงสร้างพื้นฐานและแอปพลิเคชันหรือโมเดลการดำเนินงานบนคลาวด์ได้เร็วขึ้น ส่งให้ Nutanix มีโอกาสในการขยายตลาดมากขึ้น บนฐานลูกค้ารายใหญ่จำนวนมากที่ Cisco มีอยู่ในมือ
ตลอดไตรมาส 4 ปี 2023 บริษัทพบ 3 แนวโน้มสำคัญตามพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าใน APJ โดยแม้ว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคจะมีความไม่แน่นอน แต่องค์กรในภูมิภาคนี้ต่างต้องการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีให้ทันสมัย เป็นผลจากความต้องการประสิทธิภาพที่มากขึ้น บนความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
แนวโน้มที่ 2 คือการนำไฮบริดมัลติคลาวด์มาใช้ ซึ่งยังเป็น แนวโน้มที่ต่อจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากธุรกิจจำนวนมากตระหนักถึงข้อดีของกลยุทธ์มัลติคลาวด์แบบไฮบริด จึงมีการปรับใช้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการจัดการทรัพยากรไอที ผ่านการผสมผสานระหว่างโซลูชันภายในองค์กร ระบบคลาวด์สาธารณะ และคลาวด์ส่วนตัว ทำให้สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แนวโน้มที่ 3 คือการให้ความสำคัญกับความคล่องตัวและปรับแต่งได้ เนื่องจากภูมิภาค APJ กำลังเผชิญกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจแบบไดนามิกที่การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หลายองค์กรจึงให้ความสำคัญกับความคล่องตัวและความสามารถในการปรับตัวในกลยุทธ์ด้านไอทีจากภายใน กลายเป็นความต้องการระบบที่ยืดหยุ่น เหมาะสำหรับการขยายขนาดทรัพยากรขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะเดียวกันก็ปรับต้นทุนให้เหมาะสม
ทั้ง 3 แนวโน้มนี้เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของ Nutanix ปัจจุบัน บริษัทมีฐานลูกค้าองค์กรรวม 24,550 แห่ง ซึ่งเพิ่งเพิ่มขึ้นใหม่กว่า 500 บริษัทเฉพาะช่วง 3 เดือนของปีการเงิน 2023 (สิ้นสุด ก.ค.2023) ในจำนวนนี้เป็นองค์กรขนาดใหญ่กว่า 2,183 ราย ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลังจากการประกาศเป็นพันธมิตรกับ Cisco ในปีนี้