xs
xsm
sm
md
lg

Google ชน IBM สมรภูมิ AI เดือด!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



2 บริษัทใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี “กูเกิล” (Google) และ “ไอบีเอ็ม” (IBM) ประกาศเปิดตัวแผน AI ใหม่ในการประชุมครั้งล่าสุดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝั่ง Google นั้นเปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “A3 GPU” ซึ่งขับเคลื่อนโดย GPU Nvidia H100 Tensor Core 8 ตัว สำหรับการฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์และระบบเรียนรู้ด้วยเครื่อง (AI และ ML) รวมถึงอีกหลายฟังก์ชันที่เตรียมไว้ให้ผู้คนทั่วโลกใช้ประโยชน์จาก AI ได้ ขณะที่ IBM ตัดสินใจนำ “วัตสัน” (watson) ปัญญาประดิษฐ์สำหรับองค์กรที่ IBM สร้างไว้ตั้งแต่ทศวรรษก่อน กลับมาอาบน้ำแต่งตัวเติมคุณสมบัติแล้วตั้งชื่อใหม่ว่า “วัตสันเอ็กซ์” (watsonx) เพื่อรับกับดีมานด์ในตลาดปัญญาประดิษฐ์ที่มีความต้องการเติบโตต่อเนื่อง

ไม่ว่า watsonx และ A3 จะเก่งกาจแค่ไหน แต่สิ่งที่เราเห็นชัดเจนจากแผนธุรกิจ AI ใหม่เหล่านี้ของทั้ง Google และ IBM ล้วนบ่งบอกถึงการต่อสู้ระหว่างยักษ์ใหญ่ด้านคลาวด์อย่าง Google, Microsoft และ AWS โดยเฉพาะ IBM ที่พยายามเพิ่มการเดิมพันใน AI เพื่อแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ไอทีรายอื่น

อีกนัยของการระเบิดศึกรอบนี้ คือ AI จะเป็นตัวหลักในการกำหนดรูปร่างของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี แม้จะมีหลายบริษัทที่ไม่ได้นึกถึง AI เมื่อ 5 ปีที่แล้ว วันนี้บริษัทกลุ่มนี้กำลังพร้อมใจนำความสามารถของ AI มาใช้เพื่อให้มีความชำนาญมากขึ้นในหลายด้าน ซึ่งแปลได้ว่าจะเกิดความต้องการอย่างมาก หรือดีมานด์มหาศาลในตลาดระบบฝึก AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ ตลอดจนแพลตฟอร์มและเครื่องมืออื่นที่จะช่วยให้บริษัททั่วโลกรู้ที่ทางของตัวเองว่าควรนำความสามารถด้าน AI ไปใช้อย่างไรและด้านใด

หนึ่งในตัวเลขที่เป็นสัญญาณว่าตลาด AI จะเติบโตก้าวกระโดดคือ ผลการศึกษาล่าสุดของ IBM โดยพบว่าผู้เชี่ยวชาญด้านไอที 41% ของทั่วโลกกำลังพิจารณาการนำเทคโนโลยี Generative AI มาใช้ และ 27% กำลังใช้อยู่ และการคาดการณ์โดย PWC ย้ำว่า AI จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ GDP โลกถึง 16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573  

***ความเก่งของ watsonx


IBM เปิดตัว watsonx โดยบอกว่าเป็นแพลตฟอร์ม AI ใหม่ที่ส่งขุมพลังรองรับโมเดลพื้นฐาน (Foundation Models) และเจเนอเรทีฟ AI (Generative AI) เพื่อขับเคลื่อนองค์กรยุคดิจิทัล แต่ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน watsonx ก็คือ AI เจเนอเรชันถัดไปของ watson ระบบ AI ที่สร้างชื่อจากการเอาชนะมนุษย์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรายการเกมโชว์ Jeopardyเมื่อปี 2011เรียกว่าเป็นการรีบูต watson เพื่อให้สามารถรองรับเทคโนโลยี AI ที่หลากหลาย รวมถึงการทำงานร่วมกับระบบของคู่แข่งทั้ง ChatGPT และผลิตภัณฑ์ AI จาก Google ด้วย

ในช่วงที่ watson เปิดตัวครั้งแรก IBM ก็ทำหลายสิ่งในสไตล์เดียวกับที่บริษัท AI กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการขยายความสามารถของเทคโนโลยีในการ “เรียนรู้” จากภาษามนุษย์ อย่างไรก็ตาม ราคาต้นทุนการดำเนินงานทำให้ watson เหมือนเป็นสิ่งต้องห้ามและในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา IBM ไม่ได้ให้ข่าวหรือพูดถึงระบบนี้เลย และเมื่อ 15 เดือนที่แล้ว IBM ได้ขายหน่วยสุขภาพของ watson ไป จนกระทั่งเทคโนโลยี AI กลับมาฮอต IBM จึงตัดสินใจเพิ่มประสิทธิภาพ watson เพื่อตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

คิทแมน เจิ้ง (Kitman Cheung) ผู้อำนวยการฝ่ายขายด้านเทคนิค ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ไอบีเอ็ม เทคโนโลยี กล่าวว่า การถือกำเนิดของ watsonx นั้นได้รับแรงผลักดันจากการพัฒนา AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เริ่มแรกบริษัทต่างๆ ใช้ AI เพื่อช่วยในการทำงานเพียงบางส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน AI เป็นปัจจัยหลักในการดำเนินงานของบริษัทยุคใหม่ การเกิดขึ้นของ ChatGPT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย OpenAI ก็เป็นสัญญาณของการพัฒนา AI เช่นกัน

คิทแมน ยอมรับว่า เมื่อนึกถึง AI ในธุรกิจ สิ่งที่หลายคนคิดถึงคือแมชชีนเลิร์นนิงและแชตบอต อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้เปลี่ยนไปตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022 เมื่อ ChatGPT ปรากฏขึ้นในฐานะเทคโนโลยีที่น่าประทับใจมาก แต่สำหรับ IBM watsonx นั้นออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักธุรกิจ ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน โมเดลพื้นฐาน และโมเดลโอเพ่นซอร์สที่ IBM คัดสรรให้ผ่านแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งการเข้าถึงนี้จะช่วยให้บริษัทต่างๆ พัฒนาและฝึกอบรมโมเดล AI ของตัวเองได้ง่ายขึ้น ส่งให้เกิดการพัฒนา AI ที่ใช้ได้ง่ายขึ้นตามความต้องการของธุรกิจ

ที่สุดแล้ว watsonx จะไม่ได้จำกัดเพียงแค่ช่วยแต่งจดหมายหรือเขียนบทความเท่านั้น แต่ยังสามารถแก้ปัญหาทางธุรกิจได้ด้วย ที่ผ่านมา รายงานจาก fortune.com ชี้ว่า IBM ได้ร่วมมือกับสตาร์ทอัปด้าน AI เพื่อทำให้ watson เก่งขึ้นและพร้อมสู้กับคู่แข่งมากขึ้น เช่น Hugging Face รวมถึงโปรเจกต์ PyTorch ที่องค์กรอย่าง NASA, Wix และ Meta ร่วมเป็นเจ้านั้นได้กลายเป็นลูกค้าของ watsonx แล้ว คาดว่า watsonx จะพ้นจากระยะทดสอบเบต้าแบบปิดแล้วเปิดให้ใช้งานอย่างกว้างขวางมากขึ้นภายในเดือนกรกฎาคมปีนี้

ในทางปฏิบัติบริษัทต่างๆ อาจใช้ watsonx เพื่อฝึกแพลตฟอร์ม AI ให้สร้างโค้ดและช่วยเหลืองานด้านการดูแลลูกค้า แต่ในทางเทคนิค watsonx คือแพลตฟอร์ม AI และ data ใหม่ของไอบีเอ็ม ที่เปิดให้ผู้ใช้ที่เป็นองค์กร และนักพัฒนาสามารถเข้าถึงโมเดลพื้นฐาน หรือ foundation model และเครื่องมือสำหรับสร้างและใช้งานแมชชีนเลิร์นนิงทั้งแบบดั้งเดิมและแบบใหม่ด้วยข้อมูลของตัวเองได้อย่างปลอดภัย

แพลตฟอร์ม watsonx จะประกอบด้วย 3 เครื่องมือสำคัญ เครื่องมือที่ 1 คือ IBM watsonx.ai ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI พร้อมใช้สำหรับองค์กรสำหรับการฝึก ตรวจสอบ ปรับใช้ และติดตั้งโมเดล AI ซึ่งรวมถึง foundation models ที่ขับเคลื่อน generative AI โดยโมเดลเหล่านี้ไม่เพียงแค่ได้รับการฝึกกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ แต่ยังรวมถึงข้อมูลที่เก็บรวบรวมตามระยะเวลาเป็นช่วงๆ อย่างต่อเนื่องกัน (time-series data) ข้อมูลที่ได้รับการจัดเก็บในรูปแบบคอลัมน์ หรือตาราง ข้อมูลเชิงพื้นที่ และข้อมูลเหตุการณ์ไอทีต่างๆ โดยตัวอย่างโมเดลที่ได้รับการพัฒนาไว้แล้ว

เครื่องมือที่ 2 คือ IBM watsonx.data เป็น data lakehouse ที่ได้รับการปรับให้เหมาะสำหรับข้อมูลที่ถูกกำกับดูแล (governed data) และเวิร์กโหลด AI ต่างๆ และเครื่องมือที่ 3 คือ IBM watsonx.governance ซึ่งเป็นโซลูชัน end-to-end สำหรับการกำกับดูแล data และ AI governance

คีแรน ฮาแกน (Kieran Hagan) หัวหน้าฝ่ายขายด้านเทคนิค กลุ่มโซลูชันข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ และระบบอัตโนมัติ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นิวซีแลนด์และเกาหลี ไอบีเอ็ม อธิบายข้อดี 5 ประการของ watsonx ว่าผู้ประกอบการจะสามารถแบ่งเบาภาระงานลงได้จากความสามารถช่วยเหลือพนักงานในการตัดสินใจ การทำให้ระบบงานเป็นอัตโนมัติ การรับรองความปลอดภัย การใช้หลักการด้านความยั่งยืน และการยกระดับแอปพลิเคชันให้ทันสมัย

“สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการนำ AI ไปใช้ในธุรกิจคือระดับความเชื่อถือของสาธารณชนที่มีต่อ AI อยู่ในระดับต่ำ เราต้องการทำให้ AI ส่งมอบและใช้งานผ่าน watsonx ได้ง่ายขึ้น” คีแรน กล่าว

***Google กระหน่ำโชว์ AI


ตามหลัง IBM ไม่กี่วัน Google ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ AI อย่างน้อย 15 รายการในการประชุม Google I/O ที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดย Google จัดทัพผู้ช่วย AI ที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้นักลงทุนขานรับการประกาศดังกล่าวในเชิงบวก ส่งผลให้หุ้นของ Google พุ่งขึ้น 5.5% ในวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม สู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน

จากการใช้ AI พัฒนารถขับเคลื่อนด้วยตัวเองไปจนถึงกระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับภาษาธรรมชาติ Google กำลังใช้ AI ในการปรับปรุงรูปแบบที่ผู้คนจะโต้ตอบกับเทคโนโลยีและโลกรอบตัว โดยหนึ่งในผู้ช่วย AI ที่ถูกเปิดตัวอย่างโดดเด่นในรอบนี้คือ MusicLM ซึ่งเป็น AI ใหม่ของ Google ที่สามารถสร้างเพลงจากข้อความได้ ยังมี AI Perspective ของ Google ที่สามารถค้นหาเรื่องราวส่วนตัวจากวิดีโอ บล็อก และโพสต์บนโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มคำตอบสำหรับคำค้นหา

ที่สำคัญ Google ยังโชว์ระบบ Search Generative Experience ประสบการณ์การค้นหาที่สร้างมาเพื่อตอบสนองนักท่องเว็บ ที่สามารถให้ผลลัพธ์เป็นข้อความย่อหน้าใหม่ที่ระบบ AI แต่งขึ้นเองโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาเข้าไปไล่ตรวจดูเนื้อหาในเว็บไซต์ทีละแห่งอีกต่อไป

ผลิตภัณฑ์ AI อื่นๆ ที่ Google ประกาศยังได้แก่ med-PaLM 2, Vertex AI, sec-PaLM, Gemini, Project Tailwind, Codey, Chirp, Duet AI สำหรับ Google Workspace และ Duet AI สำหรับ Google Cloud ซึ่งบางส่วนถูกมองว่าออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Generative AI ของไมโครซอฟท์ (Microsoft)

ในการประชุม I/O ครั้งล่าสุด Google ยังประกาศว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ A3 GPU ใหม่ซึ่งสร้างจาก Nvidia H100 Tensor Core GPUs นั้นสร้างขึ้นเพื่อฝึกฝนและให้บริการโมเดล AI ที่มีความต้องการมากที่สุด ซึ่งขับเคลื่อน Generative AI ในปัจจุบันและนวัตกรรมโมเดลภาษาขนาดใหญ่ การเปิดตัวนี้ถูกมองว่าเป็นไปตามทิศทางเดียวกับ Microsoft ที่ประกาศสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI โดยใช้ประโยชน์จาก H100 จาก Nvidia เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งแปลได้ว่าทั้งคู่กำลังแข่งขันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

กรณีของ Google นั้นย้ำว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เสมือนอย่าง A3 นั้นรองรับการเพิ่มประสิทธิภาพการอนุมานได้สูงสุด 30 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น A2 ที่ Google เคยพัฒนาไว้ โดย Google ยังแนะนำแฟบริคเครือข่ายศูนย์ข้อมูล Jupiter ที่สามารถปรับขนาด GPU ที่เชื่อมต่อระหว่างกันได้มากระดับหลายหมื่นตัว ซึ่งสามารถปรับขนาดได้ตามต้องการ

***บิ๊กเทคใช้ AI ทรานส์ฟอร์มการทำงาน


นอกจาก Google และ IBM ยังมีบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อีกมากมายที่ใช้ AI เป็นตัวเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน ที่โดดเด่นคือ อะเมซอน (Amazon) ซึ่งปรับจากที่เคยใช้ AI มานานหลายปีในการแนะนำสินค้าส่วนบุคคลและปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า โดยปัจจุบัน Amazon ยังพัฒนาบริการ AI ใหม่อีกหลายส่วน เช่น Amazon Go ทำให้ใช้ระบบการมองเห็นของเครื่องคอมพิวเตอร์ ในการสร้างประสบการณ์การชอปปิ้งที่ลูกค้าไม่ต้องเข้าแถวจ่ายเงินก่อนออกจากร้านได้สำเร็จ

ในส่วน Microsoft ความสามารถ AI ของ microsoft ถูกฝังไว้ในหลายผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ Office 365, Azure และ Dynamic 365 นอกจากนี้ Microsoft ยังอยู่ระหว่างการทำโปรเจกต์วิจัย AI ล้ำสมัยอีกหลายโครงการ เช่น การใช้ AI เพื่อสร้างระบบรักษามะเร็งที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิม

นอกจากการประกาศก้าวใหม่เกี่ยวกับ AI ที่แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นระหว่างยักษ์ใหญ่ด้านคลาวด์ บริษัทด้านรถยนต์อย่างเทสลา (Tesla) ก็กำลังใช้ AI ในการสร้างเทคโนโลยีขับเคลื่อนตัวเอง หรือ self driving technology ด้วย โดยอัลกอริธึม AI ขั้นสูงช่วยให้ยานยนต์ Tesla สามารถแล่นไปบนถนนได้เองพร้อมหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ ทำให้เพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการเดินทาง

ไม่แน่ ช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้อาจมีการประกาศสำคัญเรื่อง AI ขึ้นมาอีก เมื่อนั้นการชนช้างระหว่าง Google และ IBM ย่อมเป็นเพียงน้ำจิ้ม เพราะสมรภูมิ AI จะยิ่งระเบิดศึกดุเด็ดเผ็ดมันมากขึ้นอีกแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น