การเคลื่อนไหวและแนวคิดการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance หรือ ESG) กำลังพลิกโฉมโลกธุรกิจ
แม้ว่าความพยายามด้าน ESG จะได้รับการสนับสนุนมาหลายปีแล้ว แต่ในปัจจุบันยังถือเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับการดำเนินการอย่างเด็ดขาดจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคองค์กรเอกชน
ผลกระทบของ COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแนวทางการปฏิรูปที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในการประชุม COP26 ได้เปลี่ยนแปลงแนวคิดของพนักงาน ผู้บริโภค นักลงทุน ผู้ผลิต ผู้กำกับดูแล ชุมชน และสมาคมการค้า ในการรับรู้ถึงคุณค่า ความเสี่ยง การเติบโต ต้นทุนการผลิต
ขณะที่ยุโรปและอเมริกาเหนือเป็นผู้นำในการขับเคลื่อน ESG เอเชียก็พร้อมที่ดำเนินการตามให้ทันจากการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและความต้องการของนักลงทุน จากการวิจัยที่เผยแพร่โดย Accenture
ESG สำคัญต่อธุรกิจของเรา
นโยบาย ESG ที่ก้าวหน้านั้นเป็นมากกว่าวิสัยทัศน์ที่ดี เพราะเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม พนักงาน ลูกค้า และธุรกิจของเรา เนื่องจากผู้บริโภคและสาธารณชนมีความคาดหวังที่สูงขึ้นมากจากบริษัทต่างๆ เรื่องความรับผิดชอบด้าน ESG ในทุกวันนี้
ในขณะที่เวอร์ทีฟกำลังยกระดับการมุ่งเน้นทางด้าน ESG ที่สำคัญมากมาย เราอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนธุรกิจอื่นในการช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ของกลยุทธ์นี้ ไม่ว่าองค์กรจะดำเนินการไปในทิศทางใด เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งสนับสนุนกลยุทธ์ด้านการประหยัดพลังงานและความยั่งยืนจะต้องสอดคล้องกับความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ปฏิเสธไม่ได้ว่าในการดำเนินธุรกิจทุกวันนี้ ความยั่งยืนและความพยายามในการฟื้นฟูธรรมชาติเป็นสิ่งที่มาคู่กัน จากข้อมูลของ EY ธุรกิจในตลาดเกิดใหม่ที่มีการจัดอันดับ ESG ที่แน่วแน่สามารถลดต้นทุนลงได้ร้อยละหนึ่งเมื่อเทียบกับธุรกิจที่ยังตามหลัง โดยเน้นว่าความยั่งยืนอาจมีความสำคัญพอๆ กับการจัดการความเสี่ยงและความน่าเชื่อถือของสถานที่ประกอบการ
ถึงกระนั้น การบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนนั้นมาพร้อมกับความท้าทายหลายประการ
ความต้องการข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัดเจนในช่วงที่มีการระบาด COVID-19 ในสเปน ปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 เมื่อรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ และในสหรัฐอเมริกา ทีมงานของ Microsoft ต้องทำงานและนอนในศูนย์ข้อมูลเพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้อย่างราบรื่นตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงสุด
ความต้องการกำลังประมวลผลและบริการด้านดิจิทัลที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้นหมายถึงเราต้องมีขนาดศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ขึ้น แม้ว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว "บรรทัดฐาน" ของศูนย์ข้อมูลอยู่ที่ 10 หรือ 20 เมกะวัตต์ แต่ปัจจุบันมีศูนย์ข้อมูลขนาดตั้งแต่ 100 ถึง 200 เมกะวัตต์ และจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานสูงขึ้น เช่น เครือข่ายมือถือ 5G ปัญญาประดิษฐ์ และการประมวลผลประสิทธิภาพสูงซึ่งกลายมาเป็นกระแสหลัก
การพัฒนาทางเทคโนโลยีนี้ชี้ให้เห็นถึงอนาคตที่สดใสและน่าตื่นเต้นสำหรับอุตสาหกรรมข้อมูล แต่ยังชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเพราะเราไม่สามารถขยายขนาดได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว จากข้อมูลของ MIT ศูนย์ข้อมูลเพียงศูนย์หนึ่งสามารถใช้ไฟฟ้าเทียบเท่ากับบ้าน 50,000 หลังคาเรือนในปัจจุบัน และไฟฟ้าที่ใช้โดยศูนย์ข้อมูลมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 0.3 ของการปล่อยคาร์บอนทั้งหมด
สมดุลดีไม่มีไม่ได้
การเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานโดยที่ใช้พลังงานน้อยลงและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถือเป็นความท้าทายที่เราต้องก้าวข้ามและความรับผิดชอบของเราเริ่มต้นจากระดับผู้บริหาร
ผู้บริหารระดับสูงของเวอร์ทีฟกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และรายงาน ESG สาธารณะฉบับแรกของเราที่จัดทำโปรไฟล์เกี่ยวกับประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานและน้ำ ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก การเอาใจใส่ด้านสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน และแผนงานต่างๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการขององค์กรขณะนี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อไม่นานที่ผ่านมา
รายงาน ESG ทำหน้าที่เป็นรากฐานหรือบรรทัดฐานที่เราสามารถต่อยอดได้ เน้นให้เห็นถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นสิ่งแรกใน "ลิสต์สิ่งที่ต้องทำ" ด้านความยั่งยืนของเรา ทั้งแง่การปฏิบัติงานของ Vertiv และกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชันของเรา
ความก้าวหน้าที่จะเห็นเป็นผลชัดเจนทำได้โดยเทคโนโลยีที่เรานำเสนอแก่ลูกค้าเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านประหยัดพลังงาน ด้วยโหมดการทำงานของเครื่องสำรองไฟ (UPS) แบบใหม่ที่ปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพกำลังไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัยและต่อเนื่องทำให้ประสิทธิภาพการทำงานสูงถึงร้อยละ 99
นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำระบบประหยัดพลังงานที่ไม่ใช้น้ำ (ทางเลือกแทนระบบทำความเย็นแบบใช้น้ำมาก) รวมถึงการผสานรวมโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์เข้ากับศูนย์การเข้าถึงโทรคมนาคม
เราเชื่อว่าการลดการพึ่งพาระบบไฟฟ้าหลักเป็นอีกก้าวสำคัญของศูนย์ข้อมูลบนเส้นทางสู่การเป็นศูนย์ข้อมูลปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์สำหรับเวอร์ทีฟและลูกค้าของเรา แม้ว่าแหล่งพลังงานจากคาร์บอนจะเป็นแหล่งพลังงานให้ศูนย์ข้อมูลของเราในอนาคตอันใกล้ แต่เราคาดว่าการจัดเก็บเซลล์เชื้อเพลิงและการจัดเก็บพลังงานในระยะยาว และระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะจะช่วยให้การเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนที่ผลิตในท้องถิ่นจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
ลงเรือลำเดียวกัน
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศส่งผลกระทบต่อทุกคน เราเชื่อว่าการทำงานร่วมกันเป็นอีกปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ขับเคลื่อนความสำเร็จอย่างยั่งยืน เรา "ลงเรือลำเดียวกัน" อย่างแท้จริงและควรเรียนรู้จากกันและกัน ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราร่วมมือกับกลุ่มผู้นำทางความคิดไม่ว่าจะเป็น EcoEdge Prime Power, Open Compute Project, European Data Center Association เพื่อแบ่งปันผลการวิจัยและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่พร้อมสำหรับอนาคต
เราต้องการตั้งแผนดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล (และกฎที่มีอยู่จำนวนมาก) ใหม่ด้วยนโยบายแบบองค์รวมและการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตที่สะอาดขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น และสดใสยิ่งขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมของเรา เพื่ออนาคตที่ศูนย์ข้อมูลจะยังคงขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ พัฒนากระบวนการทางธุรกิจ ส่งมอบความบันเทิงภายในบ้าน และวิธีการใหม่ในการจับจ่ายและเชื่อมต่อกับโลกในขณะที่ลดผลกระทบต่อโลกและชุมชนที่เราดำเนินการอยู่ให้ได้น้อยที่สุด