xs
xsm
sm
md
lg

'ไตรรัตน์' เปิดหน้าสมัครเลขาธิการ กสทช.คนแรก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การสรรหาเลขาธิการ กสทช.เริ่มเห็นแวว หลัง 'ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล' ที่คุ้นเคยเป็นผู้สมัครรายแรก แต่มีเวลาให้คนที่สนใจยื่นใบสมัครได้จนถึง 7 เมษายนนี้ ส่วนกรณีดีล AIS กับ 3BB ไม่ถูกดึงเช็ง ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ด กสทช.ว่า สำหรับเรื่องการสรรหาเลขาธิการ กสทช.ที่เปิดรับสมัครไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคม-7 เมษายน 2566 ขณะนี้มีผู้มาสมัครแล้วจำนวน 1 คน คือ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. โดยได้ยื่นใบสมัครเข้ามาในวันนี้ (5 เมษายน) อย่างไรก็ตาม คาดว่าในวันที่ 7 เมษายน 2566 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายคาดว่าจะมีผู้สมัครเข้ามาอีก แต่ถ้ามีผู้สมัครเพียงแค่รายเดียวจะมีการขยายเวลาเพิ่มเติมออกไปเพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรม

ส่วนกรณีที่ไม่มีการรับรองมติในการสรรหาเลขาธิการ กสทช.จากบอร์ด กสทช. นั้นประธาน กสทช. กล่าวว่า การไม่รับรองมติในเรื่องดังกล่าวไม่มีผลต่อการคัดเลือกสรรหาเลขาธิการ กสทช.แต่อย่างใด

“มีผู้ที่เสนอชื่อมาให้ทางประธาน กสทช. เป็นผู้เลือกอยู่บ้าง 3-4 คน แต่ว่าเราไม่สามารถพูดชื่อเหล่านั้นออกมาได้ ถ้าหากว่ามีการกล่าวชื่อออกไปแล้วไม่ได้มาสมัครตามที่เรากล่าวอ้างจะดูว่าเป็นการกล่าวลอยๆ หรือให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้เป็นไปตามขั้นตอน”

ส่วนการพิจารณาเรื่องการควบรวมกิจการระหว่าง 3BB และ AIS ทางบอร์ดได้เห็นชอบตามที่สำนักงาน กสทช.เสนอให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ รวมถึงการจัดทำโรดแมปและเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็น (Focus Group) เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทค ทั้งนี้ จากการที่เอไอเอสคาดว่าจะสามารถจบดีลนี้ได้ภายในไตรมาส 2/2566 นั้น ทางสำนักงาน กสทช. คาดว่าจะพยายามดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่ทางสำนักงาน กสทช.ได้วางเอาไว้ และจะไม่มีการประวิงเวลา

ขณะที่เรื่องการยกเลิกกฎมัสต์แฮฟและกฎมัสต์แคร์รี่ ที่มีมติเห็นชอบออกมาเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไปภายใน 30 วัน ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

“คาดว่าการเปิดรับฟังความคิดเห็นเรื่องการยกเลิกกฎมัสต์แฮฟและมัสต์แคร์รี่น่าจะไม่ทันกับช่วงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่ใกล้จะถึงนี้ ทั้งนี้ หากมีเอกชนรายใดที่เข้าซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดกีฬาซีเกมส์เพื่อถ่ายทอดสดต้องอยู่ภายใต้กฎนี้ ส่วนเรื่องการของบประมาณสนับสนุนจากกองทุน กทปส.นั้น ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) มีเงินในส่วนนี้อยู่แล้วจึงไม่น่าจะต้องใช้งบประมาณในส่วนนี้ของทาง กสทช.”

โดยในประกาศ กสทช. เรื่อง Must Have ดังกล่าว ได้กำหนดให้รายการกีฬา 7 ประเภท คือ 1.ซีเกมส์ 2.อาเซียนพาราเกมส์ 3.เอเชียนเกมส์ 4.เอเชียนพาราเกมส์ 5.โอลิมปิก 6.พาราลิมปิกเกมส์ และ 7.ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนั้น หากมีการได้รับสิทธิให้นำมาออกอากาศในประเทศไทย ต้องนำทั้ง 7 รายการ มาเผยแพร่ผ่านทางโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (ภาคพื้นดิน) เป็นอันดับแรก และจะมีผลต่อเนื่องทำให้ทั้ง 7 ประเภทรายการแข่งขันดังกล่าวต้องถูกนำสัญญาณไปออกอากาศผ่านระบบดาวเทียม เคเบิล และ IPTV ภายใต้กฎ Must Carry ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น