กสทช. เลื่อนลงมติเรื่องการพิจารณางบประมาณ จำนวน 3,850 พันล้าน จากกองทุน USO เพื่อสนับสนุนในการดำเนินโครงการโทรเวชกรรมถ้วนหน้า โดยจะมีการนัดประชุมวาระพิเศษในวันที่ 20 เมษายน 2566 จึงจะได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวภายหลังจากการประชุมบอร์ด กสทช. เรื่องการอนุมัติงบจากกองทุน USO เพื่อดำเนินการโครงการโทรเวชกรรมถ้วนหน้า (Universal Telehealth Coverage : UTHC) หรือเทเลเฮลท์ของกระทรวงสาธารณสุข วงเงินงบประมาณ 3,850 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2565-2570) ที่อยู่ภายใต้แผน USO 2565 ฉบับที่ 3 (2565) งบประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งการประชุมในวันนี้ยังคงไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว จึงขอให้ทางสำนักงาน กสทช.กลับไปทบทวนในเรื่องนี้อีกครั้ง โดยจะจัดให้มีการประชุมวาระพิเศษในวันที่ 20-21 เมษายน 2566 ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว
"การพิจารณาเรื่องการอนุมัติงบประมาณจากกองทุน USO จำนวน 3,850 ล้านบาท ซึ่งได้ตั้งงบประมาณ 8 พันล้านบาท แบ่งเป็น 2 แผนงาน 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ด้านสาธารณสุข 4 พันล้านบาท ด้านคนพิการ 1 พันล้านบาท ด้านประโยชน์สาธารณะ 2 พันล้านบาท และด้านความมั่นคง 1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นกรอบงบประมาณใหญ่และมีโครงการย่อยอีก 19 โครงการ โดยโครงการแรกที่พิจารณาคือ ทันตกรรมทางไกล เพื่อลดช่องว่างของการพบแพทย์ของผู้ป่วยโรคในช่องปากในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งการให้งบประมาณในส่วนนี้จำเป็นที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ รัดกุมและรอบด้านที่สุดเพราะต้องการให้งบประมาณที่จะนำไปลงทุนเกิดประโยชน์ได้กับคนทุกคนจริงๆ ซึ่งในวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเพราะว่าจะต้องนำเรื่องนี้กลับไปทบทวนให้ครบทุกด้านก่อนที่จะนำมาเสนอกับทางบอร์ด กสทช.อีกครั้งในการประชุมวาระพิเศษที่จะเกิดขึ้น และต้องมีมติออกมาก่อนเดือนพฤษภาคม เนื่องจากว่ามีการเขียนโครงการ TOR ว่าจะเริ่มโครงการในวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 และมีระยะเวลาในการดำเนินโครงการ 2-3 ปี"
ส่วนเรื่องการประกาศสรรหาเลขาธิการ กสทช. ประธาน กสทช.ยืนยันว่าตามมาตรา 60 และ 61 ระบุว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของประธาน กสทช.ในการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช.ไม่ว่าจะด้วยหลักเกณฑ์หรือวิธีการใดก็ได้ โดยเปิดรับสมัครเลขาธิการ กสทช.เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ยังไร้วี่แววผู้ที่สนใจในตำแหน่งดังกล่าว แต่คาดว่าจะมีผู้ที่สนใจเข้ามาสมัครในวันสุดท้ายคือวันที่ 7 เมษายน 2566
ทั้งนี้ หากยังไม่มีผู้ที่สนใจเข้ารับสมัครในตำแหน่งดังกล่าวจะมีการขยายเวลาในการรับสมัครออกไปอีก 2 สัปดาห์ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนั้นจะดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครว่าตรงตามเกณฑ์หรือไม่
“กระบวนการสรรหาเลขา กสทช. ได้ดำเนินการไปแล้วตามขั้นตอนคือ ภายในเดือนเมษายนนี้จะต้องมีเลขาธิการ กสทช. ซึ่งสิ่งที่ยังคงเป็นปัญหาของการสรรหาเลขาธิการ กสทช. คือ คณะกรรมการ กสทช.แต่ละท่านยังมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในเงื่อนไขของการสรรหาเลขา กสทช. แต่ผมมีความเข้าใจในการแปลข้อกฎหมายในส่วนนี้ และในกระบวนการสรรหาเลขาธิการ กสทช.ได้มีการเขียนไว้และเคยปฏิบัติมาแล้ว ซึ่งผมให้ทางที่ปรึกษากฎหมายพิจารณาและตีความว่าเป็นอำนาจของประธาน และยืนยันว่าผมไม่ได้โหวตให้อำนาจตนเองในกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. แต่กฎหมายได้ให้อำนาจกับผมชัดเจน ทั้งนี้ ผมหวังว่าการตีความทางกฎหมายในเรื่องกฎเกณฑ์เงื่อนไขของกระบวนการสรรหาเลขาธิการ กสทช.จะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน”
หากมีผู้สมัครเลขาธิการ กสทช. เพียงคนเดียวหลังจากที่มีการขยายเวลาออกไปแล้ว 2 สัปดาห์ จะเข้าขั้นตอนในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครคนดังกล่าว และให้คณะกรรมการ กสทช.โหวตว่าเห็นชอบหรือไม่