ประธาน กสทช. คาดได้เลขาธิการกสทช.คนใหม่ภายในเดือนเมษายนนี้ ยืนยันปฏิบัติตามหน้าที่โดยชอบ พร้อมชี้แจงประเด็นเรื่องงบประมาณ 3,850 ล้านบาท สำหรับโครงการเทเลเฮลท์ โดยจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 29 มีนาคมนี้
ศาสตราจารย์คลินิก สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. กล่าวถึงกระบวนการสรรหาเลขาธิการ กสทช.โดยยืนยันว่าการสรรหาเลขาธิการ กสทช.มีกฎหมายเฉพาะตามมาตรา 60 และ 61 ระบุว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของประธาน กสทช.ในการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช.ไม่ว่าจะด้วยหลักเกณฑ์หรือวิธีการใดก็ได้ โดยจะมีการเปิดรับสมัครเป็นเวลา 14 วัน และมีคณะกรรมการเป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติ หลังจากนั้น จะมีการสัมภาษณ์ผู้ที่ผ่านเกณฑ์และเลือกโดยประธาน กสทช. เพื่อเสนอให้คณะกรรมการ กสทช.โหวตลงมติเห็นชอบ คาดว่าจะมีการเปิดรับสมัครในเร็วๆ นี้ เนื่องจากจะต้องได้เลขาธิการ กสทช.ภายในเดือนเมษายนนี้
“กระบวนการแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช.จากการตีความของคณะอนุกรรมการทางด้านกฎหมายเห็นว่าประธาน กสช.จะใช้วิธีการใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดรับสมัคร หรือว่าจะเลือกใครคนใดคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการ กสทช.กำหนดเพิ่มเติมแล้วก็ให้กรรมการทั้งหมดเห็นชอบ ซึ่งผมขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเลือกเอง กินเอง ชงคนกันเองให้มาเป็นเลขาธิการ กสทช. และผมทำตามระเบียบและสิ่งที่เคยทำมาแล้ว โดยที่มีคำพิจารณาของคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย อีกทั้งพิจารณาถึงข้อกำหนดและการปฏิบัติแบบเดียวกันในองค์กรอื่นๆ เพราะฉะนั้น ผมไม่ได้มอบอำนาจให้ตนเองแต่กฎหมายนั้นมอบอำนาจ หน้าที่และบทบาทให้ผม ซึ่งผมยืนว่าทำตามหน้าที่ที่กำหนดเอาไว้ซึ่งเป็นไปตามสิทธิ”
ส่วนวาระการประชุมพิจารณาของบอร์ด กสทช.ในวันนี้ (15 มี.ค.) เป็นการประชุมเรื่องโครงการโทรเวชกรรมถ้วนหน้า (Universal Telehealth Coverage : UTHC) หรือเทเลเฮลธ์ ของกระทรวงสาธารณสุข วงเงินงบประมาณ 3,850 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2565-2570) ที่อยู่ภายใต้แผน USO 2565 ฉบับที่ 3 (2565) งบประมาณ 8,000 ล้านบาท แต่โครงการนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า รูปแบบของโครงการอาจไม่เข้าข่ายกิจกรรมที่มีเป้าหมายการดำเนินงานตรงกับวัตถุประสงค์ และยุทธศาสตร์ของกองทุน ทำให้การประชุมในวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป และหลังจากนี้จะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมบอร์ด กสทช.ในวันที่ 29 มีนาคม 2566 และต้องมีการลงมติเพื่อเดินหน้าโครงการต่อไป
“เทเลเฮลธ์ กับเทเลเมดิซีน คนละความหมายกัน เราไม่ได้ทำแค่เน็ตเวิร์กให้ผ่าตัดทางไกล เราไม่อยากทำแค่โครงการนำร่องเหมือนที่ผ่านมา เพราะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่เราต้องการเปลี่ยนโครงสร้างด้านสาธารณสุข ผมไม่ได้เป็นคนจัดสรรงบ มีการจัดสรรมาก่อนที่ผมจะเป็น กสทช.ถามว่าโครงการซ้ำซ้อนกับที่มีอยู่หรือไม่ ก็ได้คำตอบจากปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่าไม่ เพราะโครงการนี้เป็นการวางโครงสร้างโทรคมนาคมที่มากกว่าการสื่อสาร”
ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของโครงการไม่ใช่สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขมาของบประมาณ กสทช. หรือ กสทช.ทำโครงการให้กระทรวงสาธารณสุข แต่เป็นการตั้งคณะทำงานหารือร่วมกัน 24 หน่วยงาน เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรมบัญชีกลาง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น เพื่อต้องการให้เทเลเฮลธ์สามารถใช้งานได้จริง ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย และผู้ป่วยอื่นๆ ที่ไม่สามารถเดินทางมาพบแพทย์ได้ สามารถพบแพทย์ผ่านแพลตฟอร์มของโครงการนี้ได้ คาดจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยประมาณ 50,000 คน กับ 1,194 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)