หลังจากข้อจำกัดในการใช้งาน LINE OA เพื่อทำโฆษณาที่ก่อนหน้านี้สามารถเชื่อมต่อข้อมูลแต่เฉพาะแต่บัญชีทำให้ไม่สามารถสร้างฐานข้อมูลลูกค้าในวงกว้างได้ ล่าสุด หลังการอัปเดต Business Manager ได้เปิดช่องทางให้แบรนด์สามารถทำ Cross Targeting ในช่องทางต่างๆ บน LINE ได้สะดวกขึ้น
เบื้องต้น Business Manager นับเป็นดาต้าโซลูชันบนแพลตฟอร์ม LINE ที่เป็นตัวกลางในการจัดการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกิดขึ้นจาก 3 เครื่องมือ ทั้ง LINE OA LINE Ads และ Smart Channel Ads
โดยการทำ Cross Targeting ผ่าน Business Manager ในเวอร์ชันปัจจุบันจะสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ แตกต่างกันไปตามโจทย์หรือวัตถุประสงค์ของแคมเปญการตลาดในแต่ละครั้ง พร้อมแนะนำ 6 รูปแบบการทำ Cross Targeting เป็นไอเดียให้แบรนด์นำไปประยุกต์ใช้
1.นำฐานผู้ติดตาม LINE OA ของแบรนด์ A ไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาให้แบรนด์ B
สำหรับบริษัทหรือธุรกิจที่มีหลายแบรนด์ย่อย หรือสาขาย่อยอยู่ในสังกัด สามารถใช้ BUSINESS MANAGER มาเป็นตัวกลางในการแชร์ข้อมูลฐานผู้ติดตามบน LINE OA ของแบรนด์หรือสาขา A ให้แบรนด์ B หรือสาขา B นำไปใช้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads ได้ ตัวอย่างเช่น บริษัทผลิตเครื่องดื่มสามารถนำเอาฐานผู้ติดตาม LINE OA ของแบรนด์น้ำผลไม้ (แบรนด์ A) มาเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads ให้อีกแบรนด์ที่เป็นแบรนด์น้ำอัดลม (แบรนด์ B) เพื่อแนะนำสินค้าใหม่ของแบรนด์ B อย่างน้ำอัดลมกลิ่นผลไม้ได้ เป็นต้น ถือเป็นการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายสำหรับโฆษณาของแบรนด์ B ให้ครอบคลุมขึ้น โดยยังคงอาศัยข้อมูลจากภายในองค์กรเดียวกัน จากการทดสอบของ LINE ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีการทำ Cross Targeting ในรูปแบบนี้ พบว่ามี CTR เพิ่มขึ้นถึง 1.8 เท่า
2.นำกลุ่มเป้าหมายที่คลิกข้อความบน LINE OA ของแบรนด์ A ไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาให้แบรนด์ B
ยกตัวอย่างธุรกิจบิวตี้ ซึ่งอาจมี LINE OA แยกย่อยตามประเภทสินค้าในเครือ เช่น LINE OA ของสินค้าสกินแคร์ (แบรนด์ A) และ LINE OA ของสินค้าน้ำหอม (แบรนด์ B) โดยแบรนด์ B สามารถนำข้อมูลกลุ่มเป้าหมายคนที่เคยคลิกข้อความหรือภาพจากการบรอดแคสต์บน LINE OA ของแบรนด์ A มาเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาเพื่อแนะนำสินค้าน้ำหอมตัวใหม่ เป็นต้น โดยการนำกลุ่มเป้าหมายที่เคยคลิกข้อความหรือภาพสินค้าที่สะท้อนความสนใจที่ใกล้เคียงกันเช่นนี้ ย่อมมีแนวโน้มที่จะให้ประสิทธิภาพในการยิงโฆษณาที่สูงกว่า
3.นำกลุ่มเป้าหมายที่คลิกโฆษณาของแบรนด์ A ไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาให้แบรนด์ B
ไม่เพียงการแชร์ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่คลิกข้อความหรือภาพจากการบรอดแคสต์ใน LINE OA เท่านั้น ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่คลิกภาพจากโฆษณาของแบรนด์ A ผ่าน LINE Ads ก็สามารถถูกแชร์ไปให้แบรนด์ B นำไปใช้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads ได้เช่นกัน ทำให้แบรนด์ B ได้ฐานข้อมูลที่กว้างขึ้น ไม่ใช่เพียงผู้ติดตามจาก LINE OA เพียงอย่างเดียว
4.นำกลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของแบรนด์ A ไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาให้แบรนด์ B
การแชร์ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายผ่าน BUSINESS MANAGER ยังสามารถนำเอาข้อมูลลูกค้าจากการติด LINE Tag ได้ด้วย แบรนด์สามารถนำเอากลุ่มเป้าหมายที่ LINE Tag แสดงผลว่าเคยคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของแบรนด์ A จากการคลิกโฆษณา มาใช้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาให้อีกแบรนด์หนึ่งได้ รวมไปถึงนำกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นไปสร้างกลุ่มเป้าหมาย Lookalike เพื่อขยายฐานลูกค้าได้อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ในกรณีแบรนด์ใหญ่ที่มีบัญชี LINE OA หรือบัญชี LINE Ads หลายบัญชี และมีเอเยนซีมากกว่าหนึ่งเจ้าแบ่งกันดูแลการตลาดบน LINE แยกวัตถุประสงค์กัน ก็สามารถทำ Cross Targeting ร่วมกันได้ ตัวอย่างเช่น แบรนด์สามารถเลือกแชร์ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่เคยคลิกเข้าชมเว็บไซต์ผ่านโฆษณาจากบัญชี LINE Ads ‘A’ ซึ่งดูแลโดยเอเยนซีเจ้าแรกที่รับผิดชอบส่วนสร้างการรับรู้ (Awareness) ให้บัญชี LINE Ads ‘B’ ซึ่งดูแลโดยเอเยนซีอีกเจ้าที่ดูแลในส่วนอีคอมเมิร์ซ นำไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณา ด้วยโปรโมชันกระตุ้นการซื้อเพื่อปิดการขายสินค้านั้นได้ในที่สุด เป็นต้น
5.นำข้อมูลที่เก็บจากลูกค้าโดยตรงของแบรนด์ A ไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาให้แบรนด์ B
นอกจากนี้ แบรนด์ยังสามารถนำข้อมูลลูกค้าที่แบรนด์มีอยู่แล้วจากการเก็บข้อมูลโดยตรงจากลูกค้า หรือที่เรียกว่า 1st party data ไม่ว่าจะเป็นอีเมล User ID หรือข้อมูลอื่นๆ ที่ได้จากการทำแบบสอบถามของแบรนด์ A ไปใช้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาของแบรนด์ B ได้ ทั้งนี้ เพื่อคลายความกังวลในเรื่องของ PDPA องค์กรซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลนั้นๆ สามารถอัปโหลดข้อมูลเข้า BUSINESS MANAGER เองได้โดยตรง พร้อมบริหารจัดการ ลบข้อมูลเองได้ ไปจนถึงสามารถเลือกบัญชี LINE OA หรือบัญชี LINE Ads โดยเฉพาะสำหรับการทำ Cross Targeting ในแต่ละครั้งเองได้ เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลสู่เอเยนซีซึ่งเป็นองค์กรภายนอก
6.นำข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่เคยเห็น/คลิกโฆษณา Smart Channel มาเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads
แบรนด์สามารถนำกลุ่มเป้าหมายที่เคยรับชม หรือเคยคลิกโฆษณาตำแหน่ง Smart Channel ไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads ได้เช่นกัน โดยแบรนด์สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้เกี่ยวเนื่องหรือต่อเนื่องกัน เพื่อตอกย้ำการรับรู้ และกระตุ้นความสนใจด้วยตำแหน่งและเทคนิคที่ไม่ซ้ำซ้อน อีกทั้งยังทำให้แบรนด์ได้ฐานข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่กว้างและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยจากการทดสอบของ LINE การทำ Cross Targeting ด้วยเทคนิคนี้จะช่วยเพิ่ม CTR ได้ถึง 5.7 เท่า และลดต้นทุน CPC ได้ถึง 40%
ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างความหลากหลายในการใช้งานเครื่องมือ BUSINESS MANAGER ทำแคมเปญการสื่อสารการตลาดแบบ Cross Targeting บนแพลตฟอร์ม LINE โดยผลการทดสอบจาก LINE พบว่า การทำ Cross Targeting สามารถเพิ่ม CTR ได้มากขึ้นถึง 46% ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่านักการตลาด ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะแบรนด์ใหญ่ที่มีฐานข้อมูลมากมายจากหลากหลายช่องทางอยู่แล้ว ควรเดินหน้าสู่การทำ Cross Targeting บน LINE อย่างเต็มรูปแบบด้วย BUSINESS MANAGER เพื่อการเติบโตอย่างชาญฉลาด และมีประสิทธิภาพสูงสุด