อดีตเลขาธิการ กสทช. ‘ฐากร ตัณฑสิทธิ์’ จุดไฟความคิดต้องรีบจัดตั้งกองทุนสตาร์ทอัป OTT ของไทย ด้วยการผนึกพลังทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชนและคนรุ่นใหม่ เพื่อระดมความคิด ระดมมันสมอง จัดทำแพลตฟอร์ม ‘สตาร์ตอัป OTTไทย’ ให้สำเร็จในเร็ววัน แทนที่จะปล่อยให้ OTTต่างชาติครอบงำเศรษฐกิจของประเทศเราอย่างในเวลานี้
ในเฟซบุ๊กของ ‘Takorn Tantasith’ ได้โพสต์เรื่อง OTT สัญชาติไทยไว้น่าสนใจมาก หากผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง ผิวบาง มีความรู้สึก ก็น่าจะรับรู้ได้เฉกเช่นเดียวกับอดีตเลขาธิการ กสทช. ซึ่งระบุว่า
“รีบจัดตั้งสตาร์ตอัป OTT ของไทย ก่อน OTT ต่างชาติจะกัดกร่อนเศรษฐกิจไทยมากกว่านี้”
ในโลกยุคใหม่ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า คนไทยใช้บริการ OTT (Over-The-Top) หรือบริการเหนือโครงข่ายโทรคมนาคมในรูปแบบสังคมออนไลน์กันมาก ซึ่งน่าจะมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรก็ว่าได้
OTT ที่คนไทยนิยมใช้กันมากที่สุดคงเป็น Facebook YouTube TikTok Line Instagram Twitter เป็นต้น
ด้วยเทคโนโลยีในการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า สามารถเก็บข้อมูลจากผู้ใช้โซเชียลมีเดียต่างๆ ระบบอัลกอริธึม จะแสดงข้อความ ข่าว รูปภาพ วิดีโอ ความเห็น หรือ comment รวมถึงโฆษณาต่างๆ ที่เราชอบ ที่เราคิด ที่เราเชื่อและทำให้เราเห็นเรื่อยๆ จนสิ่งนั้นกลายเป็นความจริงหรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสายตาของเราในที่สุด
ผลกระทบด้านการเมือง
Social Media OTT จะมีอิทธิพลต่อความเชื่อทางการเมืองเป็นอย่างมาก ข้อมูลข่าวสาร ทั้งที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใช้งานหรือโฆษณาต่างๆ ที่สอดแทรกความเห็นทางการเมืองจะถูกบริหารจัดการให้ User ที่มีความเห็นคล้ายๆ กันได้เห็น ได้แชร์ลึกขึ้นและในวงที่แคบลง แต่เข้าถึงคนหมู่มากได้รวดเร็ว ส่งผลให้คนเกิดความเชื่อเหมือนกัน คุยกันเชิงลึกในโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มเหล่านั้นก็เลือกข้อมูลที่ตรงกับความเชื่อมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
OTT เหล่านี้จะส่งอิทธิพลต่อความคิดของคนมากขึ้นและมากขึ้นทุกวัน จนกระทั่งอาจจะเป็นโหรพยากรณ์การเมืองที่แม่นยำที่สุดก็ว่าได้ “ใครจะชนะการเลือกตั้งบ้าง พรรคการเมืองจะชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์หรือไม่อย่างไร ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ใครจะเป็นรัฐมนตรี” โดยไม่ต้องไปพึ่งพาหมอดูที่ไหนอีกต่อไปแล้ว
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีสตาร์ทอัป OTT ของไทยที่เป็นระดับสากลใช้งานเอง (จะมีก็เป็นเพียง OTT ใช้งานในประเทศบ้างเล็กน้อย ซึ่งยังไม่ใช้งานในระดับสากล) จึงส่งผลให้เราต้องพึ่งพา OTT ต่างประเทศแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Shoppee Lazada Grab Line Man เป็นต้น ส่งผลให้เงินจำนวนมากต้องไหลออกนอกประเทศมาโดยตลอด และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศทั้งในเรื่องการขาดดุลการค้า และศักยภาพความสามารถในการแข่งขันของประเทศกับต่างประเทศต่อไป
ถ้าประเทศไทยมีสตาร์ทอัป OTT ที่เป็นสากล ใช้งานเอง นอกจากจะสร้างทั้งรายได้เข้าประเทศได้อีกจำนวนมากแล้ว จะเพิ่มศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศขึ้นมายืนในระดับแนวหน้าในอาเซียนได้ต่อไป
OTT เหล่านี้นอกจากจะดึงรายได้จำนวนมากออกนอกประเทศแล้ว เท่าที่ผ่านมา ประเทศไทยยังไม่สามารถจัดเก็บภาษี OTT ต่างชาติได้เลย ซึ่งหากปล่อยไปเช่นนี้เรื่อยๆ เราก็อาจจะเสมือนตกเป็น “ทาสเศรษฐกิจหรืออาณานิคมด้านเศรษฐกิจของโลกยุคใหม่” ก็เป็นได้
ผมยังมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า คนไทยเป็นคนเก่ง มีความรู้ มีความสามารถ ไม่แพ้ใครในโลกใบนี้ แต่เรายังขาดการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน ยังไม่เพียงพอเท่านั้นเองในการที่เราทุกคนจะร่วมกันขับเคลื่อน ผลักดันให้ “สตาร์ทอัป OTT ของไทย” ให้เกิดขึ้นในเร็ววัน
วันนี้ ถึงเวลาหรือยังที่เราทุกคนจะเร่งสนับสนุนและผลักดันจัดตั้ง “กองทุนสตาร์ทอัป OTT ของไทย” เพื่อสร้าง “สตาร์ทอัป OTT ไทย” ให้เกิดขึ้นจริงโดยมอบให้คนรุ่นใหม่ นิสิต นักศึกษาและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เป็นต้น ในการที่จะระดมความคิด ระดมมันสมอง จัดทำแพลตฟอร์มสตาร์ทอัป OTT ของไทยให้สำเร็จในเร็ววัน หรือเราจะปล่อยให้ OTT ต่างชาติครอบงำประเทศเราเช่นนี้ตลอดไปหรือครับ
“ร่วมกันสงสารประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราทุกคนเถอะครับ”