iPrice Group ประกาศเปิดตัว iPrice Seller Club เพื่อช่วยให้ผู้ค้า และแบรนด์สินค้าออนไลน์ขนาดเล็กจนถึงขนาดกลางสร้างกำไรได้ง่ายยิ่งขึ้น จากเดิมที่ผู้ค้ารายย่อยลงขายสินค้ากับแพลตฟอร์มชั้นนำต่างๆ แล้ว iPrice นำแคตตาล็อกสินค้ามาเปรียบเทียบราคาเป็นปัจจุบัน ผู้ค้ารายย่อยสามารถลงจำหน่ายสินค้าเองได้เลย ซึ่ง iPrice Group จะใช้ข้อมูลความต้องการจากผู้ใช้งานไม่ซ้ำกว่า 125 ล้านคน บนแพลตฟอร์มในการวิเคราะห์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนการตลาดออนไลน์ คาดผลลัพธ์ที่ได้คือผู้ใช้งานเห็นสินค้าของผู้ค้ารายย่อยได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเพื่อเพิ่มโอกาสขายได้มากยิ่งขึ้น
ตามรายงานปี พ.ศ.2564 จาก Google & Temasek เกี่ยวกับ e-Conomy ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่าโดยเฉลี่ยกว่า 82% มียอดขายครึ่งหนึ่งมาจากแหล่งข้อมูลออนไลน์ แม้จะมีมุมมองเชิงบวกต่อแพลตฟอร์มดิจิทัล แต่ขีดจำกัดในการสร้างกำไรยังเป็นปัญหาหลักแก่ผู้ค้ารายเล็ก เพราะตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคมีการแข่งขันสูง การเพิ่มเว็บไซต์คู่แข่ง และการทำยอดขายจึงมีส่วนแบ่งการตลาดให้ผู้ค้ารายย่อยน้อยลง
ปัจจุบัน ผู้ค้าขนาดเล็กหลายเจ้าพร้อมเปิดศึกทุ่มงบโฆษณาเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เห็นแบรนด์ตัวเองมากยิ่งขึ้น แต่จะประสบความสำเร็จมากน้อยอย่างไรก็แล้วแต่ความชำนาญของผู้ลงทุน บางเจ้าอาจเสียทั้งเวลา และกำลังทรัพย์จากความซับซ้อนในหลายรูปแบบของการโฆษณา เช่น โฆษณาบน Facebook และ Google เป็นต้น ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างจะวนเวียนเป็นวัฏจักรจากสินค้าที่มีราคาต่ำจะถูกเพิ่มต้นทุนให้สูงขึ้น แถมยังเพิ่มความเสี่ยงในการสร้างยอดขายไม่ตรงตามเป้าหมายอีกด้วย
จากมุมมองคนทำธุรกิจดิจิทัล 1 ใน 3 รายระบุว่า นี่คือปัจจัยทำให้สินค้า "แพงเกินไป" เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับการขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ด้วยเหตุนี้ iPrice Group ที่มีความตั้งใจหลักคือ "ช่วยนักชอปออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ชอปสินค้าในราคาที่ถูกที่กว่า" พบวิธีแก้ปัญหาแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายโดยการช่วยให้ผู้ขายลดต้นทุนสินค้าที่ไม่จำเป็นออกไป ในขณะเดียวกัน ช่วยให้ผู้บริโภคได้ราคาที่ถูกขึ้นตามไปด้วย
เฉพาะในปี 2021 แพลตฟอร์มของ iPrice Group มีผู้ใช้งานไม่ซ้ำกันค้นหาสินค้ากว่า 125 ล้านครั้ง ซึ่ง iPrice หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลการค้นหาเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้กลุ่มผู้ค้ารายย่อยเข้าถึงผู้ซื้อได้มากขึ้น และเปลี่ยนการเข้าถึงเป็นการสั่งซื้อได้เร็วกว่าเดิม
นายเดวิด ชามีลาร์ (David Chmelar) ผู้ร่วมก่อตั้ง iPrice Group กล่าวว่า “ตลาดโฆษณาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมาถึงจุดแข่งขันที่สูงมาก ซึ่ง iPrice Group กำลังใช้ประโยชน์จากข้อมูลผู้ใช้งานที่เป็นสิทธิเฉพาะบนแพลตฟอร์มของเราเพื่อยกระดับ และจับคู่ความสนใจแก่ผู้ซื้อและผู้ขายที่มีศักยภาพสูงสุดด้วยวิธีที่ง่ายยิ่งกว่า”
ตอนนี้ทาง iPrice Group กำลังเชิญชวนผู้ขาย และแบรนด์ที่สนใจเพื่อใช้โอกาสนี้ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นายเดวิด ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ด้วยความร่วมมือที่มีอยู่ของเรากับตลาดขนาดใหญ่ เช่น Lazada, Shopee และ Tokopedia ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเปิดร้านหลายๆ แพลตฟอร์มอีกต่อไป และเราสามารถช่วยให้คุณเริ่มการขายได้ในไม่กี่นาที”
สำหรับผู้ขายและแบรนด์ที่สนใจเข้าร่วมชุดแรกสามารถติดต่อได้ที่อีเมล sellers@ipricegroup.com