xs
xsm
sm
md
lg

Google สู้ยิบตาพิษข้อมูลเท็จ!! (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กูเกิลอัปเดตแนวทางต่อสู้กับข้อมูลเท็จครั้งล่าสุด การันตีทุกผลิตภัณฑ์มีนโยบายและฟีเจอร์ช่วยปกป้องผู้ใช้งานเต็มที่ จัดเต็มการสนับสนุนอีโคซิสเต็มแบบขยายกว้างขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหาอย่างจริงจัง ผ่านทั้งองค์กรข่าว หน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริง โครงการเพื่อรู้เท่าทันสื่อ และการวิจัย ยอมรับเป็นเรื่องยากที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเทรนด์ภาพรวมของการเกิดปัญหาข้อมูลบิดเบือนในอนาคต แต่ที่ชัดเจนคือ ภัยข้อมูลเท็จจะเป็นประเด็นหลักที่กูเกิลพร้อมลงมือจัดการขั้นเด็ดขาด

คลีเมนท์ วูล์ฟ (Clement Wolf) ผู้จัดการนโยบายสาธารณะอาวุโส ด้านความถูกต้องของข้อมูล บริษัท กูเกิล (Google) เป็นผู้ให้ข้อมูลล่าสุดนี้ที่งานถอดรหัสกูเกิล Decode : Google Series ในหัวข้อ “How Google Fights Misinformation” ซึ่งเน้นถึงวิธีการปัจจุบันที่กูเกิลใช้ต่อสู้กับข้อมูลเท็จและการบิดเบือนข้อมูลบนแพลตฟอร์ม ทั้งหมดนี้กูเกิลไม่ใช้คำว่าข่าวปลอม หรือเฟกนิวส์ (Fake News) แต่ใช้คำว่าข้อมูลเท็จ หรือ Misinformation เพื่อให้ได้ความหมายที่กว้างและไม่ขัดแย้งหรือลดทอนความน่าเชื่อถือของ “ข่าว” เหมือนที่ยูเนสโก้พยายามรณรงค์ให้ใช้คำว่าข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือน (disinformation) แทน

ผู้บริหารกูเกิลย้ำว่า การบิดเบือนข้อมูลขัดต่อทั้งพันธกิจและทุกสิ่งที่กูเกิล (และผลิตภัณฑ์อื่นในเครือ) พยายามทำให้สำเร็จ ซึ่งที่ผ่านมากูเกิลมีหลายวิธีในการลดการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จและการบิดเบือนข้อมูลบนแพลตฟอร์ม และทุกวิธีจะถูกดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่องในอนาคต

***5 วิธีกูเกิลกัดไม่ปล่อย

วูลฟ์ย้ำว่า กูเกิลได้ลงทุนอย่างหนักในการหยุดการแพร่กระจายของ “ข้อมูลคุณภาพต่ำ” บนบริการของกูเกิล เพื่อตอบโต้ความพยายามที่มุ่งฉ้อโกง ทำร้าย หรือหาประโยชน์จากผู้ใช้ โดยช่องทางแรก กูเกิลได้ลงทุนพัฒนาเรื่องการจัดเรียงข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้บนบริการเสิร์ช (Search) ทำให้เมื่อผู้ใช้ค้นหา ระบบกูเกิลจะกรองและจัดให้ข่าวจากแหล่งที่เชื่อถือได้สามารถปรากฏในอันดับต้นๆ ของหน้าผลลัพธ์การค้นหา

คลีเมนท์ วูล์ฟ (Clement Wolf) ผู้จัดการนโยบายสาธารณะอาวุโส ด้านความถูกต้องของข้อมูล บริษัท Google
ส่วนที่ 2 คือ กูเกิลมีนโยบายแบนกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมบนแพลตฟอร์ม ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ใช้ถ้อยคำที่ไม่จริงหรือเท็จ การแอบอ้างบุคคลอื่น บิดเบือนข้อมูลด้านสุขภาพ จุดนี้กูเกิลย้ำว่ามีการเผยแพร่รายงานเป็นระยะเพื่อให้รายละเอียดว่าบริษัทบังคับใช้นโยบายเหล่านี้อย่างไร หรือกระบวนตรวจสอบเนื้อหาที่ถูกรายงานว่าละเมิดกฎหมายท้องถิ่น ตัวอย่างที่กูเกิลยกมาคือ การรายงานความโปร่งใสในการบังคับใช้หลักเกณฑ์ของชุมชนยูทูบ (YouTube) ซึ่งจะมีรายละเอียดการดำเนินการบน YouTube ในแต่ละไตรมาส นอกจากนี้ ยังมีรายงานความปลอดภัยในแพลตฟอร์มโฆษณาแบบประจำปีด้วย

ส่วนที่ 3 คือ กูเกิลทำโครงการให้ความรู้แก่ผู้ใช้ด้านความรู้เท่าทันสื่อ โดยร่วมมือกับหน่วยงานมากมายในภูมิภาค ขณะที่ส่วนที่ 4 คือกูเกิลได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายองค์กรข่าวสาร เพื่อสนับสนุนการทำข่าวที่มีคุณภาพผ่านโครงการกูเกิลนิวส์ หรือ Google News Initiative และร่วมมือกับทุกภาคส่วนในวงการข่าวตั้งแต่นักข่าว หน่วยงานผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงนักวิจัย เพื่อสร้างข่าวที่มีคุณภาพและต่อสู้กับข้อมูลเท็จให้ได้

สำหรับส่วนที่ 5 กูเกิลย้ำว่าได้พัฒนาเทคโนโลยีการตรวจสอบภาพปลอมที่แนบเนียนอย่างดีพเฟก (Deepfakes) เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถระบุได้ว่าเนื้อหานั้นเป็นภาพจริงของแท้ หรือเป็นภาพที่ถูกแก้ไขดัดแปลงในรูปแบบของ Deepfakes จุดนี้ผู้บริหารชี้ว่าได้เห็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในระยะยาว กูเกิลจึงดำเนินการและพยายามศึกษาวิจัยเกี่ยวกับภัยคุกคามเหล่านี้ จนทำให้มีวิธีจัดการกับภัยคุกคามอย่างการใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจจับภาพที่ Deepfakes

หนึ่งในหลายโครงการที่ Google จัดขึ้นเพื่อบอกโลกถึงแนวทางการแก้ปัญหาข้อมูลเท็จ
เมื่อถามถึงแนวโน้มในอนาคตของปัญหาข้อมูลเท็จ วูล์ฟยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเทรนด์ภาพรวมของการเกิดปัญหา แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือกูเกิลเชื่อว่าภัยข้อมูลเท็จจะเป็นประเด็นถัดไปที่กูเกิลต้องการจัดการอย่างจริงจัง และในฐานะบริษัท กูเกิลจะจัดการกับข้อมูลเท็จบนแพลตฟอร์มอย่างเต็มที่

ก่อนหน้านี้ กูเกิลได้โพสต์บนบล็อกของบริษัทถึง 3 บทสรุปแนวคิดการแก้ปัญหาข้อมูลเท็จที่กูเกิลยึดเหนี่ยว ประกอบด้วย ส่วนแรกคือกูเกิลต้องการตรวจจับข้อมูลเท็จชุดใหม่ให้ได้ก่อนที่จะแพร่ระบาด โดยย้ำว่าเรื่องยากเช่นนี้ทำให้กูเกิลต้องการใช้ประโยชน์จากการผสมผสานเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งระบบแยกประเภทข้อมูล ระบบคีย์เวิร์ดหรือคำหลักในภาษาที่หลากหลาย และข้อมูลจากนักวิเคราะห์ระดับภูมิภาค เพื่อระบุคำบรรยายที่ระบบแยกประเภทหลักของกูเกิลยังจับไม่ได้ ซึ่งจะทำให้กูเกิลจับการส่งต่อข้อมูลเท็จได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

ส่วนที่ 2 คือ กูเกิลต้องการจัดการกับการแบ่งปันข้อมูลเท็จผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ โดยอธิบายว่าปัจจุบัน ยังคงมีวิดีโอที่ไม่เข้าข่ายขัดกับนโยบายจนทำให้กูเกิลต้องดำเนินการลบ แต่เป็นวิดีโอที่ไม่แนะนำให้ประชาชนเปิดชม กูเกิลเรียกวิดีโอลักษณะนี้ว่า borderline content หรือเนื้อหาสุดขอบ ซึ่งแม้ว่ากูเกิลจะไม่แนะนำ แต่อาจยังคงได้รับการชมผ่านเว็บไซต์อื่นที่เชื่อมโยงไปหรือมีการฝังวิดีโอ YouTube ซึ่งจุดนี้กูเกิลกำลังดำเนินการหาทางเลือกอื่นอย่างรอบคอบต่อไป

ส่วนที่ 3 คือ กูเกิลต้องการเพิ่มความพยายามในการยกระดับการจัดการข้อมูลเท็จทั่วโลก กูเกิลมองว่าแม้กูเกิลจะควบคุมข้อมูลเท็จจนเกิดผลลัพธ์ที่แท้จริงแล้ว แต่ความซับซ้อนยังคงมีอยู่ ในขณะที่กูเกิลพยายามนำข้อมูลดังกล่าวไปสู่กว่า 100 ประเทศและอีกหลายสิบภาษาที่กูเกิลให้บริการ กูเกิลจึงมุ่งขยายทีมงานผู้เข้าใจความแตกต่างของข้อมูลเท็จในระดับภูมิภาค และกำลังหาทางลงทุนเพิ่มเติมในการเป็นพันธมิตรกับผู้เชี่ยวชาญและองค์กรเอกชนทั่วโลก

***อัดฉีดโครงการไทยคู่อาเซียน

สำหรับแผนของกูเกิลสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย ปัจจุบัน กูเกิลกำลังดำเนินการในโครงการเพื่อความรู้เท่าทันสื่อหลายโปรเจกต์ ได้แก่ การประกาศเงินสนับสนุน 1.5 ล้านดอลลาร์จาก Google.org เพื่อช่วยมูลนิธิอาเซียนขยายการศึกษาการรู้เท่าทันสื่อใน 10 ประเทศ ที่รวมตัวในฐานะสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of Southeast Asian Nations) ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย เป้าหมายคือการอบรมครูผู้สอนมากกว่า 1,000 คนให้มีทักษะและแหล่งข้อมูลใหม่ ทำให้ครูเหล่านี้สามารถจัดการฝึกอบรมให้ผู้คนมากกว่า 100,000 คนในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะไม่เพียงอบรมเฉพาะในโรงเรียน แต่ยังจะรวมถึงคนหนุ่มสาว ไปจนถึงผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่มีอายุมากขึ้น

แฟ้มภาพโปสเตอร์รณรงค์เพื่อแก้ปัญหาข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโควิด-19 ในอาเซียน
ขณะเดียวกัน กูเกิลได้ร่วมกับมูลนิธิอาเซียน (ASEAN Foundation) เปิดตัวหนังสือการ์ตูนเพื่อแสดงให้เห็นว่าข้อมูลเท็จสามารถแพร่กระจายได้อย่างไร และต้องทำอย่างไรเพื่อป้องกันข้อมูลดังกล่าว ซึ่งกำลังแปลเป็นภาษาอาเซียน 10 ภาษา รวมทั้งภาษาไทย โดยจะพร้อมให้บริการในเร็ววันนี้

นอกจากนี้ กูเกิลยังเพิ่งประกาศชาเลนจ์หรือการท้าทาย GNI Youth Verification ซึ่งเป็นการส่งคำท้าทายในการตรวจสอบเชิงอินเทอร์แอ็กทีฟ (เชิงโต้ตอบ) 2 สัปดาห์ โดยที่คนหนุ่มสาวอายุ 15-24 ปีจะได้ทำภารกิจที่ท้าทายเพื่อสร้างการตรวจสอบขั้นพื้นฐานและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โครงการนี้จะจัดขึ้นใน 8 ภาษา รวมทั้งภาษาไทย

ในความเห็นของวูล์ฟ ผู้บริหารกูเกิลคิดว่าเป็นไปได้ที่สังคมจะได้รับประโยชน์จากข้อมูลเท็จ เนื่องจากการมีข้อมูลเท็จที่ไม่เป็นความจริงอยู่ ทำให้มนุษย์เรารู้ว่าจะต้องวิจารณ์ข้อมูลที่กำลังอ่านหรือดู ข้อมูลเท็จนี้เองที่ช่วยให้พวกเราตื่นตัวและเตือนให้ต้องคิดมากขึ้น และใช้ทักษะที่สำคัญเหล่านี้ ซึ่งกูเกิลตั้งเป้าที่จะเผยแพร่ในวงกว้างผ่านการฝึกอบรมการรู้เท่าทันสื่อ ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน เพราะหากใครได้พบกับภัยหลอกลวงทางออนไลน์ซึ่งเอาเปรียบผู้คน แล้วมีทักษะที่เหมาะสม คนนั้นจะสามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้

แต่ที่สุดแล้ว กูเกิลจะไม่วางมือ และสู้ยิบตาเพื่อขับพิษข้อมูลเท็จต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น