ฟอร์ติเน็ต (Fortinet) เปิดตัวไฟร์วอลล์ใหม่ FortiGate 3000F การันตีเป็นไฟร์วอลล์เน็กซ์เจเนอเรชันรุ่นล่าสุดที่ขับเคลื่อนโดย NP7 SPU ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานด้านเครือข่ายที่ปลอดภัยและปรับขนาดได้ รองรับระบบไอทีแบบไฮบริด มั่นใจเหมาะสำหรับองค์กรที่กำลังเร่งปฏิรูปดิจิทัลให้ปลอดภัย
ฟอร์ติเน็ตนั้นเป็นผู้ให้บริการด้านโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบบูรณาการและแบบอัตโนมัติ การประกาศเปิดตัว FortiGate 3000F ถูกระบุว่าเป็นไฟร์วอลล์ประเภทเน็กซ์เจเนอเรชัน (NGFW) รุ่นล่าสุดที่ขับเคลื่อนโดยหน่วยประมวลผลความปลอดภัย NP7 และ CP9 กรรมสิทธิ์เฉพาะของฟอร์ติเน็ตที่ออกแบบมาให้สามารถทำงานแบบหลอมรวมของเครือข่ายและความปลอดภัยเบ็ดเสร็จในตัว มีเทคโนโลยีการแบ่งส่วนเครือข่ายอย่างแบบไดนามิก ทำงานได้อย่างอัตโนมัติ และมีศักยภาพของ Zero Trust Network Access (ZTNA) ในอุปกรณ์
ขณะเดียวกัน ก็เป็นสถาปัตยกรรมการสร้างเครือข่ายที่ขับเคลื่อนด้วยคุณสมบัติด้านความปลอดภัย (Security-driven network) จึงเหมาะสำหรับองค์กรที่ใช้สถาปัตยกรรมไอทีแบบไฮบริดในการเร่งสร้างนวัตกรรมด้านดิจิทัลและเร่งธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดย FortiGate 3000F มี Security Compute Ratings สูงกว่าคู่แข่งในตลาด คือสูงถึง 6 เท่าในการเชื่อมต่อต่อวินาทีที่มากกว่าข้อเสนอของคู่แข่ง
ไอเดียของการออกไฟร์วอลล์ตัวใหม่คือองค์กรในปัจจุบันต้องสร้างสมดุลระหว่างการเร่งสร้างนวัตกรรมด้านดิจิทัล และต้องแน่ใจว่าแอปพลิเคชันที่สำคัญนั้นเป็นไปตามความต้องการด้านกลยุทธ์ธุรกิจ ข้อกำหนด ประสิทธิภาพ และการบริหารควบคุม ทั้งนี้ การ์ทเนอร์ได้ชี้แจงในรายงาน Gartner, Predicts 2022 : Driving Toward Digital Infrastructure Platforms ว่า “แอปพลิเคชันรุ่นเก่าและที่พัฒนาขึ้นมาเอง ซึ่งนับเป็นประมาณ 55% ของแอปพลิเคชันระดับองค์กรกำลังถูกย้ายไปไว้บนคลาวด์อย่างช้าๆ” และองค์กรต่างๆ กำลังพัฒนาสถาปัตยกรรมไอทีแบบไฮบริดซึ่งมีทั้งศูนย์ข้อมูล ผสมกับสำนักงานสาขาที่เชื่อมต่อถึงกัน โฮมออฟฟิศและการใช้มัลติคลาวด์ ซึ่งล้วนเปิดผิวเสี่ยงต่อการถูกโจมตีที่กว้างขึ้น
FortiGate 3000F ถูกโปรโมตว่าจะเข้ามาช่วยรักษาความปลอดภัยให้ศูนย์ข้อมูลและระบบไอทีแบบไฮบริดด้วยความยืดหยุ่นสามารถปรับขนาดได้ตามต้องการ เนื่องจาก FortiGate 3000F ใช้หน่วยประมวลผลความปลอดภัย NP7 และ CP9 ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มความเร็ว ขนาด ประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพได้กว้างขวาง จึงให้ความยืดหยุ่นสามารถปรับขยายได้มากที่สุดในอุตสาหกรรมในขณะที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ให้ดีมากขึ้น ลดบุคลากรในการดูแล ลดการบริโภคพลังงาน FortiGate 3000F ยังมี Security Compute Rating สูงถึง 22x สำหรับเซสชันไฟร์วอลล์ที่ใช้พร้อมกัน (Concurrent firewall sessions) เมื่อเปรียบเทียบกับข้อเสนอของคู่แข่ง
นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายระดับสูงและการควบคุมแอปพลิเคชันที่แข็งแกร่ง เพราะไฟร์วอลล์ประเภทเน็กซ์เจเนอเรชัน FortiGate ล้วนมาพร้อมกับ ZTNA access proxy เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันและทรัพยากรได้จากทุกที่ ทุกเวลาได้เร็วขึ้น พร้อมตรวจสอบสิทธิอย่างต่อเนื่องในขณะที่สามารถควบคุมความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้การปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนด FortiGate สร้างอยู่บนสถาปัตยกรรมการสร้างเครือข่ายที่ขับเคลื่อนด้วยคุณสมบัติด้านความปลอดภัยชั้นนำในอุตสาหกรรม จึงรองรับการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการหลายรายบนเครือข่าย WAN และการเชื่อมโยงกับผู้ขายอุปกรณ์จำนวนมากในเครือข่าย LAN ได้อย่างปลอดภัย องค์กรจึงใช้ FortiGate โซลูชันเดียวแทนอุปกรณ์เร้าเตอร์หลายๆ ตัว และได้รับประโยชน์ทั้งการทำงานด้านการเชื่อมโยงและความปลอดภัยเครือข่าย
ขณะเดียวกัน ไฟร์วอลล์ใหม่ยังมีการรักษาความปลอดภัยระดับองค์กร โดยโซลูชันของฟอร์ติเน็ตผสานรวมบริการด้านเครือข่าย ด้านความปลอดภัย เข้ากับบริการ FortiGuard ที่ขับเคลื่อนโดย AI/ML ในแพลตฟอร์มเดียว จึงส่งผลให้ทีมไอทีสามารถจัดการภัยคุกคามภายในและภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการแพร่กระจายของแรนซัมแวร์ไปยังเครือข่ายอื่นๆ และลดการหยุดชะงักของธุรกิจและความเสียหายของแบรนด์ ทั้งนี้ FortiGate เป็น NGFW เดียวในอุตสาหกรรมที่สามารถตั้งนโยบายที่ใช้กับเนื้อหาในขั้นสูง เช่น การกรองวิดีโอให้กับบริการชั้นนำ เช่น YouTube, Vimeo และ Dailymotion ได้ นอกจากนี้ องค์กรยังสามารถสร้างนโยบายที่ยืดหยุ่นได้มากมาย ในการอนุญาตกลุ่มหนึ่งหรือหลายกลุ่ม และควบคุมความปลอดภัยเครือข่ายที่เข้มงวด ที่อนุญาตหรือบล็อกในระดับช่องสัญญาณได้ ยิ่งไปกว่านั้น FortiGate ให้ประสิทธิภาพการตรวจสอบ SSL ที่ไม่มีใครเทียบเท่าได้ (รวมถึงการเข้ารหัสแบบ TLS 1.3) จึงเป็นแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถตรวจจับภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเส้นทางที่เข้ารหัส (Encrypted path) และยังแนะนำวิธีการป้องกันภัยคุกคามได้อย่างอัตโนมัติ โดยกระทบกับประสิทธิภาพการทำงานน้อยที่สุด
รวมถึงการทำงานอย่างอัตโนมัติที่ช่วยลดความซับซ้อน เห็นได้จากศูนย์บริหารโครงข่ายความปลอดภัยซิเคียวริตีแฟบริค Fabric Management Center ของฟอร์ติเน็ตให้การบริหารจัดการบนหน้าจอเดียวกัน การทำงานอัตโนมัติ และการทำงานร่วมกันทั่วทั้งผืนผ้าซิเคียวริตีแฟบริค รวมถึงรองรับการทำงานของพันธมิตรในระบบนิเวศกว่า 470 ราย เพื่อลดความซับซ้อนของเวิร์กโฟลว์ทั่วทั้งองค์กร ทั้งนี้ การใช้ API แบบเปิดและ Connector ที่เชื่อมต่อสภาพแวดล้อมที่ต่างกันจะช่วยลดความซับซ้อนและให้ความปลอดภัยที่สม่ำเสมอในสภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์อีกด้วย
"โซลูชันของฟอร์ติเน็ตอันรวมถึง FortiGate 3000F ให้การทำงานของเครือข่ายที่ขับเคลื่อนด้วยความปลอดภัยและสถาปัตยกรรมตาข่ายความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity mesh architecture) ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในอุตสาหกรรมผ่านซิเคียวริตีแฟบริค ซึ่งได้รวมการทำงานด้านเครือข่ายและความปลอดภัยไว้ทั่วสภาพแวดล้อมทั้งหมด จึงให้การป้องกันทั้งในองค์กร สภาพแวดล้อมเสมือนจริง หรือบนคลาวด์ สภาพแวดล้อมสำหรับอุปกรณ์ แอปพลิเคชัน หรือสถานที่ใดๆ ที่สำคัญที่สุด ฟอร์ติเน็ตได้รับคะแนนสูงสุดโดยรวมในรายงาน Enterprise Data Center, Distributed Enterprise และ SMB Use Case สำหรับโซลูชัน FortiGate และคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 2 ใน Public Cloud Use Case ในเดือนมกราคม ค.ศ.2022 ในรายงาน Gartner Critical Capabilities for Network Firewall ยิ่งไปกว่านั้น ฟอร์ติเน็ตเชื่อมั่นและทุ่มเทในการสรรค์สร้างนวัตกรรมเครือข่ายที่ขับเคลื่อนด้วยการรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง จนได้รับเลือกให้เป็นผู้นำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทั้งใน Gartner Magic Quadrant สำหรับ Network Firewall และ Magic Quadrant สำหรับ WAN Edge Infrastructure สำหรับแพลตฟอร์มเดียวกัน" ฟอร์ติเน็ตทิ้งท้าย