xs
xsm
sm
md
lg

AIS ชี้ไทยพร้อมใช้ 5G ดึงดูดการลงทุน สร้างโอกาสทางการแข่งขันผ่าน ‘Digital Infrastructure‘

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จากตัวเลขคาดการณ์เทคโนโลยี 5G จะสร้างมูลค่าให้ธุรกิจกว่า 950-1200  พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2025 ทำให้การวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำโอกาสมาสู่ประเทศ

ในช่วงที่ผ่านมา AIS ได้เดินลงทุนและพัฒนาศักยภาพโครงข่าย 5G ควบคู่ไปกับการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ AIS เป็นผู้เล่นรายเดียวในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม มีความพร้อมในการนำเอาศักยภาพของ 5G มาสร้างประโยชน์ให้กับภาคส่วนต่างๆ เพื่อพลิกโฉมประเทศสู่บริบทใหม่ของการเติบโต

โดยเฉพาะในกลุ่มภาคอุตสาหกรรมและโรงงานการผลิตที่วันนี้เริ่มมองเห็นศักยภาพของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าเสริมประสิทธิภาพการทำงานในส่วนงานต่างๆ อาทิ ไลน์การผลิต การจัดเก็บสินค้า หรือแม้แต่กระบวนการทำงานสนับสนุน ตัวเลขดังกล่าวเป็นสิ่งที่บ่งชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของ 5G ที่มีอย่างมหาศาลในการที่นำมาสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน (Competitive Advantage) ตั้งแต่ในระดับภาคธุรกิจ ไปจนถึงการพลิกโฉมประเทศให้ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลกให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ตอบโจทย์การเติบโตในอนาคต


นายฮุย เวง ชอง กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล คือ ฐานรากที่สำคัญในการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งโครงข่าย 5G ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการเสริมขีดความสามารถการทำงานของภาคอุตสาหกรรม

โดยเฉพาะในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากเทคโนโลยี 5G จะเข้ามายกระดับในภาคการผลิต ทั้งเครื่องจักร โซลูชัน หรือแม้แต่กระบวนการทำงานในขั้นตอนต่างๆ ของไลน์การผลิตให้มีประสิทธิภาพ

“ในปี 2565 เทคโนโลยี 5G ถูกคาดหมายไว้ว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยประโยชน์ของเทคโนโลยีดังกล่าวจะเข้าไป เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ลดต้นทุน ปรับปรุงและแม้กระทั่งส่งผลให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่”

ที่สำคัญธุรกิจจะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากผลิตภัณฑ์ที่ติดตั้งเทคโนโลยี 5G ผ่านการใช้ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ IoT และ AI ภาพของเทคโนโลยี 5G ต่อจากนี้ จะส่งผลกระทบสำคัญต่อหลายอุตสาหกรรม เช่น ภาคการผลิตในโรงงาน หากไม่นำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้อาจทำให้ภาพรวมของการผลิตไม่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของตลาด และอีกหลายๆ กลุ่มธุรกิจค้าปลีกและขนส่ง

ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา AIS ได้เข้าไปร่วมงานกับภาครัฐ และเอกชน ทั้งสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การนิคมอุตสาหกรรม สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) และ สมาคมไทยไอโอที (TIoT) โดยมีเป้าหมายหมายที่สำคัญร่วมกันคือ ร่วมพัฒนาและสร้างธุรกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้น พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีที่พร้อมให้บริการทุกภาคอุตสาหกรรม

รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ที่ปรึกษาพิเศษด้านพัฒนาการศึกษา บุคลากร และเทคโนโลยี ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก กล่าวว่า Industy 4.0 ที่เกิดขึ้นโดยมี 5G เป็นโครงสร้างพื้นฐานทำให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น IoT, BigData and Cloud จนนำไปสู่การเป็น Smart Manufacturing ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทำให้เกิดการประหยัดต้นทุนในการทำธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ และมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นาย นิติ เมฆหมอก นายกสมาคมไทยไอโอที (TIoT) กล่าวถึงอนาคตเกี่ยวกับการปรับตัวสู่องค์กรดิจิทัล ว่า ในยุคปัจจุบัน ธุรกิจต้องทำ Digital Transformation เพื่อเอาตัวรอดและปรับตัวให้เข้ากับโลก และเครื่องมือสำคัญคือ 5G และ IoT ที่จะช่วยให้เจ้าของกิจการทราบข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของตนได้แบบ real time และ 5G จะช่วยให้ถ่ายโอนข้อมูลทางออนไลน์เป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเทคโนโลยีทั้งสองจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมและสังคมของประเทศไทยในอนาคต

นายฮุย เวง ชอง กล่าวทิ้งท้ายว่า การมี Digital Ecosystem ที่แข็งแกร่งจากพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อสนับสนุนและเร่งให้เกิดการพลิกโฉม หรือ Digital Transformation การทำงานของภาคส่วนต่างๆ จากศักยภาพของ 5G ได้อย่างตอบโจทย์

“AIS มีทั้ง Business และ Industry Solutions ที่ครอบคลุมในทุกธุรกิจหลัก อันเป็นรากฐานสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจภาพใหญ่ของประเทศให้เติบโตได้ตามเป้าหมายในช่วงของการฟื้นฟูหลังวิกฤตการณ์โควิด”


กำลังโหลดความคิดเห็น