xs
xsm
sm
md
lg

ทรูมันนี่จับมือลาซาด้า ผูกเป็น E-Wallet บนแอป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทรูมันนี่ ขยายความร่วมมือการเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์ (Strategic Partner) กับลาซาด้า ด้วยการผสาน TrueMoney Wallet เป็นอีวอลเล็ตหลักบนแอปพลิเคชันลาซาด้า และเตรียมผสานฟีเจอร์บริการทางการเงิน และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในอนาคต

น.ส.จิตติมา จันทรมโรภาส ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจออนไลน์เพย์เมนต์และดิจิทัลเพย์เมนต์ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า การสานต่อความร่วมมือระหว่างทรูมันนี่ และลาซาด้า ไปสู่พันธมิตรระดับกลยุทธ์ในครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้ง 2 บริษัทฯ ในการผสานความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์มอีวอลเล็ตและอีคอมเมิร์ซเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การชอปปิ้งออนไลน์ด้วยช่องทางชำระเงินที่หลากหลายสะดวกสบาย

“จากนี้ ลาซาด้า และทรูมันนี่จะเดินหน้าพัฒนาบริการทางการเงินใหม่ๆ ร่วมกันเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งรวมถึงการสร้างแคมเปญการตลาดที่มอบความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”

ธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า การขยายตัวและเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมานั้น ได้ทำให้อีเพย์เมนต์เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อการพัฒนาแพลตฟอร์ม รวมไปถึงช่วยยกระดับประสบการณ์ชอปและยังเพิ่มความสะดวกให้แก่ทั้งลูกค้าและผู้ขายอีกด้วย

จากความสำเร็จในการเปิดมินิแอปพลิเคชันลาซาด้า ใน TrueMoney Wallet เมื่อปีที่ผ่านมา ลาซาด้าจึงเล็งเห็นโอกาสในการต่อยอดความร่วมมือกับทรูมันนี่ ในการก้าวเป็นพันธมิตรระดับกลยุทธ์ และหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มช่องทางจับจ่ายแบบออนไลน์ที่หลากหลายและตรงตามความต้องการมากที่สุด ผ่านนวัตกรรมทางการเงินของ TrueMoney Wallet ที่ผสานอยู่ในแพลตฟอร์มของลาซาด้า”

ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ ทรูมันนี่ และลาซาด้า จะร่วมกันผลักดันนวัตกรรมการชำระเงินที่อำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่แบบนิว นอร์มอล ผ่านฟีเจอร์บริการทางการเงินต่างๆ ของ TrueMoney Wallet บนแอปลาซาด้า ที่พัฒนาร่วมกัน เช่น ‘Smart Pay’ ฟีเจอร์ที่จะเข้ามาเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินออนไลน์ให้แก่ลูกค้าและช่วยให้สามารถตั้งค่าจัดเรียงลำดับการชำระเงินอัตโนมัติได้ตามที่ต้องการ

รวมถึงการเลือกชำระผ่านบัญชีธนาคาร เพื่อใช้จ่ายกับร้านค้าชั้นนำมากมายบนแพลตฟอร์ม โดยไม่ต้องเสียเวลาเติมเงิน ซึ่งจากการสำรวจของทรูมันนี่ พบว่า การเพิ่มช่องทางการชำระเงินได้อย่างอิสระ จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าที่ต้องการได้ง่ายขึ้น สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนบนแพลตฟอร์ม และสร้างโอกาสในการปิดการขายให้ร้านค้า นอกจากนี้ ยังมีบริการทางการเงินอื่นๆ อีกมากมายที่จะตามมาในอนาคต

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก We Are Social ระบุคนไทยชอปออนไลน์สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก (83.6%) มากกว่าค่าเฉลี่ยของโลก (76.8%) และชอปผ่านมือถือสูงติดอันดับ 2 ของโลก (74.2%) สอดคล้องกับผลสำรวจของ ETDA ที่คาดการณ์ว่าในปีนี้มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยจะเติบโตแตะ 4.01 ล้านล้านบาท

สะท้อนให้เห็นเทรนด์การชอปปิ้งออนไลน์ได้กลายเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวไทย และยังเป็นทางรอดของการทำธุรกิจในยุคนี้ โดยที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและอีเพย์เมนต์ต่างมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม e-Commerce ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ


กำลังโหลดความคิดเห็น