โลกในอนาคตที่ ‘มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก’ ซีอีโอเฟซบุ๊ก มองเห็นคือการสร้างอาณาจักรของโลกเสมือนจริง ทำให้เฟซบุ๊กตัดสินใจครั้งใหญ่ในการปรับแบรนด์สู่ เมต้า (Meta) เพื่อช่วยให้มนุษย์ และผู้ใช้ทุกคนเชื่อมต่อเข้าหากันในโลกเสมือนจริง (Metaverse)
เบื้องต้น เมต้า เล่าถึง Metaverse ให้เข้าใจง่ายๆ ว่าจะเป็นการผสมผสานระหว่างประสบการณ์ใช้งานโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน ที่มีการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในลักษณะของ Immersive ในลักษณะของวิดีโอสามมิติ หรือวิดีโอ 360 องศา เพื่อให้แชร์ประสบการณ์กับผู้อื่นได้รู้สึกเหมือนอยู่ในสถานที่จริง และจะกลายเป็นวิวัฒนาการใหม่ที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์
มาร์ค ระบุในจดหมายเปิดผนึกถึงผู้ใช้งานทุกคนว่า ที่ผ่านมาเฟซบุ๊กถือเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ต และการเดินทางสู่ เมต้า ในครั้งนี้จะเป็นก้าวต่อไปของบริษัทด้วย
“แพลตฟอร์มที่จะเกิดขึ้นจะเปลี่ยนอินเทอร์เน็ตให้กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงได้ ทั้งการใช้บริการ การเข้าถึงคอนเทนต์ที่หลากหลาย และได้ใช้เวลาร่วมกับบุคคลอื่นๆ ในโลกของ Metaverse ด้วย”
ด้วยการที่เป็น Metaverse หรือโลกเสมือนจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้ทุกคนสามารถทำอะไรก็ได้ในโลกใบนั้น ทั้งการพบปะกับเพื่อน ครอบครัว ทำงาน เรียนรู้ เลือกซื้อสินค้า
โลกที่ มาร์ค วาดฝันไว้ก็คือ ในอนาคตทุกคนสามารถเทเลพอร์ตในลักษณะของโฮโลแกรม ไปปรากฏอยู่ที่ทำงาน หรือห้องนั่งเล่นของพ่อแม่ได้ทันที ช่วยเปิดโอกาสให้ได้ใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่ามากขึ้น และที่สำคัญคือเมื่อไม่ต้องเดินทาง ก็จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ช่วยให้
ประสบการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนี้จะเกิดขึ้นได้บนหลากหลายอุปกรณ์ ซึ่งปัจจุบันเฟซบุ๊ก ได้ผลิตทั้งแว่น VR Quest2 มาเสริมประสบการณ์ใช้งานประชุม และเล่นเกมในโลกเสมือน มีพื้นที่อย่าง Spark AR ให้บรรดาครีเอเตอร์เข้าไปสร้างสรรค์ผลงาน
รวมถึงแว่นอัจฉริยะอย่าง Ray-Ban Stories ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถแชร์สิ่งที่เห็นให้กับเพื่อนที่ติดตามได้ในโซเชียลเน็ตเวิร์กได้ทันที โดยไม่ต้องคอยหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
เบื้องต้น มาร์ค ชี้ให้เห็นถึงบทบาทของเฟซบุ๊ก ในการเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียพื้นฐานที่มีเครื่องมือให้ครีเอเตอร์ หรือนักพัฒนาเข้าใช้สร้างสรรค์โลกของ Metaverse ให้มีชีวิต โดยที่ผ่านมา เฟซบุ๊กลงทุนในการวิจัย และพัฒนาทางด้าน AR/VR ไปแล้วกว่า 150 ล้านเหรียญ
ทั้งนี้ Meta มาจากภาษากรีดที่แปลว่า Beyond หรือก้าวไปข้างหน้า ซึ่งจะกลายเป็นสัญลักษณ์ให้บริษัทเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ที่เหนือจินตนาการต่อไป โดยชื่อของ Meta จะกลายมาเป็นชื่อหลักของบริษัท ในขณะที่บริการต่างๆ ทั้ง Facebook Instagram Whatsapp จะยังคงใช้ชื่อเดิมอยู่ ถือเป็นชื่อที่มีความหมายดี แม้จะเรียกกระแสล้อเลียนมากมายบน Twitter