เมื่อความนิยมในการใช้งานแท็บเล็ตพุ่งสูงขึ้นในช่วง Work from Home จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้แอปเปิล (Apple) เลือกปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุด อย่าง iPad รุ่นที่ 9 และ iPad mini รุ่นที่ 6 ออกมาเปิดตัวพร้อมกับ iPhone 13 เมื่อคืนนี้ โดย iPad ที่ถูกปรับปรุงขึ้นยังคงวางจำหน่ายในราคาเดิม ขณะที่ iPad mini มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ครั้งใหญ่ ให้รับการใช้งานที่เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น
จุดที่ iPad รุ่นขนาดจอ 10.2 นิ้ว มีการอัปเดตขึ้น คือการเปลี่ยนมาใช้ชิปเซ็ต A13 Bionic ซึ่งเดิมใช้งานใน iPhone 11 และ iPhone SE รุ่นที่ 2 มาสานต่อการประมวลผลใน iPad รุ่นที่ 9 นี้ ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นเดิมจะทำให้ iPad เร็วขึ้นกว่าเดิม 20% เร็วกว่า Chromebook รุ่นที่ขายดีที่สุด 3 เท่า และเร็วกว่าแท็บเล็ต Android รุ่นที่ขายดีที่สุดถึง 6 เท่า
แน่นอนว่า แอปเปิลยังคงรักษาการผลิตแบบอีโคโนมีออฟสเกล ในการนำชิปเซ็ตที่เป็นอดีตรุ่นท็อปมาใช้งานต่อเนื่อง พร้อมกับเพิ่มความจุให้รองรับการใช้งานในยุคปัจจุบัน เพื่อให้สามารถทำราคา iPad ให้เข้าถึงผู้ใช้งานจำนวนมากได้ โดย iPad 9 ที่รองรับ WiFi 64 GB จะเริ่มต้นที่ 11,400 บาท และรุ่น Cellular จะเริ่มที่ 16,400 บาท
นอกเหนือจากชิปเซ็ตแล้ว ใน iPad 9 ยังมากับกล้องหน้ามุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่เพิ่มความสามารถ ‘จัดให้อยู่ตรงกลาง’ (Center Stage) ในเวลานี้ใช้วิดีโอคอล ตัวกล้องจะทำการประมวลผลร่วมกับ Neural Engine เพื่อคอยปรับเฟรมภาพให้อยู่กึ่งกลาง ซึ่งเดิมเป็นความสามารถที่อยู่ใน iPad Pro มาให้ใช้งานทั้งบน FaceTime และโปรแกรมประชุมออนไลน์อื่นด้วย
ตัวหน้าจอ Retina ขนาด 10.2 นิ้ว ได้เพิ่มการแสดงผลสีแบบ True Tone เพิ่มขึ้น เพื่อปรับอุณหภูมิสีในการแสดงผลให้เหมาะสม พร้อมรองรับการใช้งาน Apple Pencil รุ่นที่ 1 เช่นเดิม รวมถึงการเชื่อมต่อกับ Smart Keyboard หรืออุปกรณ์เสริมจากผู้ผลิตอื่น เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดเท่าเดิม
จะเห็นได้ว่า iPad 9 ได้ถูกปรับปรุงมาให้รองรับการใช้งานแท็บเล็ตระดับเริ่มต้น โดยเฉพาะในยุคที่การเรียนออนไลน์ หรือทำงานออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยจะมาพร้อมกับ iPadOS 15 ที่เพิ่มคุณสมบัติในการใช้งานใหม่ๆ อย่างการใช้งานแบบมัลติทาสกิ้ง การจดโน้ตข้อความรูปแบบใหม่ และ FaceTime ที่รองรับระบบเสียงตามตำแหน่ง เพื่อให้การประชุมออนไลน์สมจริงมากขึ้น
***iPad mini เครื่องแรง ในขนาดพกพา
ส่วน iPad mini รุ่นที่ 6 ถือได้ว่าเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่ผู้ใช้งานแท็บเล็ตหน้าจอ 8.3 นิ้ว พกพาง่ายกำลังมองหา เพราะด้วยดีไซน์แบบเดียวกับ iPad Pro และ iPad Air ทำให้ตัวเครื่องมีขอบจอที่บางลง ทำให้ได้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ในขนาดตัวเครื่องเท่าเดิม
iPad mini ยังมาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง Apple A15 Bionic ที่แอปเปิลเปิดตัวมาใช้งานคู่กับ iPhone 13 แสดงให้เห็นถึงความแรงของชิปเซ็ตนี้ที่ประสิทธิภาพในการประมวลผลสูงขึ้น 40% การประมวลผลภาพจาก GPU 5 คอร์ ที่ช่วยให้ประมวลผลภาพได้เร็วขึ้น 80% เมื่อเทียบกับ iPad Mini รุ่นก่อนหน้า
ส่งผลให้ iPad mini กลายเป็น iPad ในระดับราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 2 หมื่นบาท ที่แรงที่สุดในเวลานี้ จึงเหมาะกับการใช้งานสำหรับมืออาชีพอย่างนักออกแบบ นักบิน แพทย์ จนถึงผู้ใช้งานที่เป็นเกมเมอร์ ซึ่งต้องการเล่นเกม พร้อมกับกราฟิกที่แสดงผลไดอย่างลื่นไหล ในขนาดตัวเครื่องพกพาง่าย
โดย iPad mini ใหม่ มาให้เลือกในสีสันใหม่ทั้งสีชมพู สีสตาร์ไลท์ สีม่วง และสีเทาสเปซเกรย์ จอภาพ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้วที่ใหญ่ขึ้นและขอบจอที่แคบลง ให้ความสว่างที่สูงถึง 500 นิต ขอบเขตสีกว้างแบบ P3 การเคลือบสารกันแสงสะท้อน การแสดงผลแบบ True Tone และเทคโนโลยี Full Lamination รูปภาพและวิดีโอจะมีสีสันสดใส และมาอยู่ชิดติดกับผิวกระจก มีลำโพงสเตอริโอแนวนอนเพื่อประสบการณ์ทางด้านความบันเทิงที่ดีขึ้น
ตัวเครื่องยังมากับการย้าย Touch ID ไปรวมเป็นส่วนหนึ่งในปุ่มด้านบนของ iPad mini ช่วยให้สามารถปลดล็อกเครื่องได้ด้วยลายนิ้วมือ และย้ายปุ่มปรับระดับเสียงไปไว้ด้านบนเช่นเดียวกัน เพื่อให้ทางขวาสามารถยึดติดกับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 เพื่อชาร์จแบบไร้สายและจับคู่
อย่างไรก็ตาม iPad mini จะไม่มีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Smart Connect เหมือนใน iPad Pro และ iPad Air ทำให้ไม่รองรับการเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดอย่าง SmartKeyboard Folio หรือแม้แต่ Magic Keyboard เนื่องจากขนาดหน้าจอที่เล็กลง โดยทางแอปเปิลแนะนำให้เชื่อมต่อใช้งานกับคีย์บอร์ดบลูทูธ หรือใช้พิมพ์บนหน้าจอแทน
นอกจากนี้ iPad Mini ยังมากับการเชื่อมต่อรูปแบบใหม่ผ่านพอร์ต USB-C ที่สามารถเชื่อมต่อได้เร็ว 3.5 Gbps สามารถต่อจอภาพ 4K เพื่อใช้งาน หรือเชื่อมต่อกับกล้องขณะที่ถ่ายภาพได้ รองรับการใช้งาน 5G และ WiFi 6 และมาพร้อม iPad OS 15 เช่นเดียวกัน
iPad mini รุ่น Wi-Fi 64 GB ราคา 17,900 บาท 256 GB ราคา 23,400 บาท และรุ่น Cellular 64 GB 23,400 บาท 256 GB 28,900 บาท Apple Pencil รุ่นที่ 2 ราคา 4,490 บาท และมีตัวเลือกเคสถึง 4 สี ด้วยกัน
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือทั้ง iPad 9 และ iPad mini 6 ใช้กระบวนการผลิตจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% รวมถึงดีบุกรีไซเคิล ในการบัดกรีแผงวงจร รวมถึงแร่โลหะหายากที่ผ่านการรีไซเคิลในแม่เหล็ก และลำโพง เพื่อให้แอปเปิลสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030
