xs
xsm
sm
md
lg

Apple ยุค iPhone 13 ปัญหาไหน (ยัง) ไม่ได้แก้?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


iPhone 13 แจ้งเกิดหลังจาก Tim Cook ฉลองครบ 10 ปีที่รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและพา Apple เป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดในโลกด้วยมูลค่าตลาดที่เติบโตขึ้นประมาณ 600% แก้ไขคำบรรยายภาพ
ชัดเจนแล้วว่าแอปเปิล (Apple) ต้องการยกระดับให้ไอโฟนใหม่ iPhone 13 เก่งยิ่งขึ้นเรื่องการถ่ายวิดีโอ เห็นได้จากการเปิดตัวความสามารถล่าสุดที่ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอในโหมด ‘Cinematic’ ซึ่งปรับดึงโฟกัสภาพบุคคลให้เด่นด้วยเอฟเฟกต์ระยะชัดลึกได้หลังจากถ่ายไปแล้ว ถือเป็นมิติใหม่สำหรับวิดีโอที่ไม่มีให้ในสมาร์ทโฟนแบรนด์ใด

วิดีโอเป็นเพียงพื้นที่เดียวท่ามกลางกองทัพฟีเจอร์ใหม่ที่ Apple เลือกเฟ้นมาแข่งกับค่ายอื่นในช่วงปีนี้-ปีหน้า แต่ปัญหาคือการสำรวจพบว่าผู้ใช้ไอโฟนหลายคนยังไม่เคยสัมผัสกับคุณสมบัติทันสมัยในไอโฟนรุ่นใหม่ เพราะไม่ได้อัปเกรดและเลือกที่จะใช้ไอโฟนรุ่นเดิมต่อไป กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Apple ทำยอดขายไม่อู้ฟู่เหมือนคู่แข่งที่ขายเครื่องราคาต่ำกว่า

หากมองภาพใหญ่นอกจากไอโฟน การเปิดตัว iPad 9, iPad mini 6 และ Apple Watch7 มาพร้อมกัน ล้วนบดบังข่าวความบกพร่องด้านความปลอดภัยใหม่ที่พบในอุปกรณ์ Apple ซึ่ง Apple ได้เร่งออกอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปิดช่องโหว่ไม่ให้แฮกเกอร์สามารถสอดแนมข้อความของผู้ใช้ รวมถึงข่าวว่า Apple จะยังคงสามารถคิดค่าธรรมเนียมซื้อขายแอปพลิเคชัน 30% หลังจากมีคดีร้องเรียนว่าค่าคอมมิชชัน 30% บน App Store นั้นสูงเกินไป

iPhone 13 ถูกจับตาว่าจะสามารถดลใจให้ผู้ซื้ออัปเกรดเป็นเครื่องใหม่ได้มากน้อยเพียงใด เพราะมีการประเมินว่าผู้ใช้ iPhone ประมาณ 250 ล้านคนไม่ได้อัปเกรดโทรศัพท์ของตัวเองใน 3.5 ปี
ประเด็นเหล่านี้ล้วนผลักดันให้ Apple ในยุค iPhone 13 น่าจับตายิ่งขึ้นโดยเฉพาะการที่ iPhone 13 เป็นหนึ่งในสินค้าใหม่ที่แจ้งเกิดหลังจาก "ทิม คุก" (Tim Cook) ฉลองครบ 10 ปีที่รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและพา Apple เป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดในโลกที่เผชิญกับความไม่แน่นอนท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างสง่างาม นับจากวันที่ 24 สิงหาคม 2554 มูลค่าตลาดของ Apple เติบโตขึ้นประมาณ 600% เป็นเกือบ 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และรายรับต่อปีของ Apple ก็เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

***วิดีโอดีงาม

เมื่อเจาะลงไปที่ iPhone 13 ไฮไลต์หลักที่หลายคนตื่นเต้นคือโหมดวิดีโอใหม่ที่สามารถรับรู้เมื่อมีคนกำลังเข้าสู่เฟรมทำให้ระบบเปลี่ยนโฟกัสหรือดึงโฟกัสมาที่ผู้มาใหม่ได้ จุดนี้ ทิม คุก ย้ำว่า iPhone 13 เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวที่อนุญาตให้ผู้ใช้แก้ไขเอฟเฟกต์นี้หลังการถ่ายทำ

โหมด ‘Cinematic’ ซึ่งปรับดึงโฟกัสภาพบุคคลให้เด่นด้วยเอฟเฟกต์ระยะชัดลึกได้หลังจากถ่ายไปแล้ว
ส่วนในรุ่น Pro มีการอัปเกรดกล้องให้สามารถถ่ายภาพระยะมาโครทำให้สามารถโฟกัสวัตถุได้ในระยะห่างเพียง 2 เซนติเมตร เลนส์ทุกตัวรองรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นและสามารถบันทึกไฟล์วิดีโอคุณภาพสูงระดับ ProRes ที่มืออาชีพส่วนใหญ่เลือกใช้ แต่จุดที่น่าเสียดายคือ ในรุ่น Pro เริ่มต้น 128 GB จะบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียด 1080p30fps เท่านั้น จากข้อจำกัดในแง่ของพื้นที่ ส่วนรุ่นที่ความจุมากขึ้นถึงจะบันทึกระดับ 4K30fps ได้

อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์อื่นๆ ส่วนใหญ่ในรุ่นใหม่เน้นการปรับปรุงเพิ่มเติมจากเวอร์ชันก่อนหน้าเช่น ชิป A15 Bionic ที่เร็วขึ้นประหยัดพลังงานมากขึ้น จอภาพที่สว่างขึ้นและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น สามารถเล่นวิดีโอต่อเนื่องได้สูงสุด 19 ชั่วโมง จากรุ่นก่อนหน้าที่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 12 ชั่วโมงและมาในสีใหม่ได้แก่ ดำ ชมพู น้ำเงิน เงินสตาร์ไลท์ที่เป็นสีเงินผสมกับสีขาว และสีแดงโดย iPhone 13 ใหม่จะมีพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 512GB ขณะที่พื้นที่เก็บข้อมูลต่ำสุดได้เพิ่มเป็น 128GB จากรุ่นก่อนหน้าที่มี 64GB

ในขณะที่ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max เพิ่มตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุดเป็น 1TB มีสีใหม่อย่างสีฟ้า Sierra Blue เพิ่มเติมจากสีปกติเงิน ทอง และดำกราไฟต์ที่น่าสนใจคือ แบตเตอรี่ของ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max สามารถเล่นวิดีโอได้ต่อเนื่อง 22 ชั่วโมงและ 28 ชั่วโมงตามลำดับ จาก iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ที่ใช้งานได้ 17 ชั่วโมงและ 20 ชั่วโมงเท่านั้น

Apple ยังคงกระตือรือร้นที่จะไฮไลต์ถึงนโยบายเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยกล่าวว่าโทรศัพท์ใช้วัสดุรีไซเคิลจำนวนมาก รวมถึงสายอากาศที่ทำจากขวดน้ำพลาสติกเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030

การเปิดตัว iPhone 13 ถูกจับตาว่าจะสามารถดลใจให้ผู้ซื้ออัปเกรดเป็นเครื่องใหม่ได้มากน้อยเพียงใด จุดนี้มีข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ ‘Wedbush Securities’ ประเมินว่าผู้ใช้ iPhone ประมาณ 250 ล้านคนไม่ได้อัปเกรดโทรศัพท์ของตัวเองใน 3.5 ปี เรื่องนี้นำไปสู่ความจริงว่าผู้ใช้ไอโฟนหลายคนยังไม่เคยสัมผัสกับฟีเจอร์ใหม่ที่ทันสมัยโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้หลายล้านคนที่ยังไม่ได้อัปเกรดเป็น 5G และในอีกมุมก็ถือเป็นโอกาสสำคัญของแอปเปิล เช่นเดียวกันเพราะกลายเป็นทั้ง iPhone 12 และ iPhone 13 รองรับการเชื่อมต่อ 5G หมดทุกรุ่น


ข้อมูลจากบริษัทวิจัยไอดีซีพบว่า ในไตรมาสที่ 2 ของปี 64 ยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ส่งมอบโทรศัพท์ 5G ในสัดส่วน 25.9% ของยอดขายรวมทั่วโลกซึ่งถือว่าค่อนข้างตามหลังผู้นำในตลาดที่มีตัวเลือกมากกว่า

เพื่อแข่งขันให้ดีขึ้น Apple แบ่งรุ่นออกเป็น iPhone 13 Mini, Pro และ Pro Max โดย iPhone 13 Pro และ Pro Max มีกล้อง 3 ตัวและสิ่งที่ Apple เคลมว่าเป็น ‘ระบบกล้องที่ล้ำหน้าที่สุด’ ขณะที่รุ่นพรีเมียมมีจอภาพ Super Retina XDR พร้อมเทคโนโลยี Promotion รองรับอัตราการรีเฟรชที่ปรับได้สูงสุดถึง 120Hz ซึ่งช่วยให้ภาพเคลื่อนไหว การชมแอนิเมชัน และการเล่นเกมได้ราบรื่นขึ้น

iPhone 13 ถูกวิจารณ์ว่าไม่เสริมภาพของ Apple ที่มีชื่อเสียงด้านนวัตกรรม
อย่างไรก็ตาม เสียงวิจารณ์ที่มีต่อ iPhone 13 ในรอบนี้ไม่เสริมภาพของ Apple ที่มีชื่อเสียงด้านนวัตกรรม เพราะในงานไม่มีการประกาศสิ่งใหม่หรือแสดงวิสัยทัศน์ที่มีในไอโฟนโดยเฉพาะ ขณะที่การอัปเดตนาฬิกา Apple Watch และ iPad ก็ล้วนให้ความรู้สึกอนุรักษนิยมและปลอดภัยแบบไม่มีแรงบันดาลใจใหม่

หากยกเว้นเรื่องกล้องถ่ายวิดีโอที่ปรับปรุงใหม่ ฟีเจอร์จำนวนไม่น้อยถูกมองเป็นการอัปเดตซ้ำๆ แม้แต่การนำเสนอในงานประชุมที่ราบรื่นก็ไม่มีช่วงเวลาที่น่าจดจำหรือสร้างสรรค์เป็นพิเศษ ตรงกันข้ามกับที่ ‘ทิม คุก’ ประกาศว่า ‘ช่างเป็นการประกาศที่น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ’ ส่วนหนึ่งเพราะ iPhone 13 ใหม่มีหน้าตาเกือบจะเหมือนกับ iPhone 12

***
Apple Watch Series 7 ใหม่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย

เวอร์ชันใหม่อย่าง Series 7 เป็นการขยับเพิ่มความใหญ่ของหน้าจอในรอบหลายปีโดยขนาดใหม่สามารถแสดงข้อความบนหน้าจอได้มากขึ้นเกือบ 50% รวมถึงมีแป้นพิมพ์สำหรับป้อนข้อความโดยสามารถกันฝุ่นได้เป็นครั้งแรกเสริมเรื่องความทนทานจากก่อนหน้านี้ที่สามารถใส่ว่ายน้ำได้

Apple Watch รุ่นล่าสุดก็ถูกมองเป็นการอัปเดตแสนธรรมดา
อย่างไรก็ตาม Apple Watch รุ่นล่าสุดก็ยังถูกมองเป็นการอัปเดตแสนธรรมดาเนื่องจากที่ผ่านมาเสียงคาดเดาว่ารุ่นใหม่จะมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นเกิดขึ้นเพราะเจ้าของหลายคนอยากให้สมาร์ทวอทช์ใช้งานได้นานอยู่แล้ว

เบื้องต้น สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ชี้ว่าการผลิต Apple Watch Series 7 อาจเผชิญกับความล่าช้าโดย Apple ระบุเพียงว่ารุ่นใหม่จะวางจำหน่าย ‘ในปลายฤดูใบไม้ร่วงนี้’ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น iPad และ iPhone ใหม่ที่ประกาศในเวทีเดียวกันจะเริ่มวางจำหน่ายสัปดาห์หน้าในหลายประเทศ

การผลิตที่ล่าช้าจึงอาจจะกระทบกับยอดขายที่ตั้งไว้สำหรับธุรกิจสมาร์ทวอทช์ โดยปัจจุบัน Apple ครองส่วนแบ่ง 47% ของตลาดสมาร์ทวอทช์ทั่วโลกตามข้อมูลของ CCS Insight

***กำเนิด iPad mini โฉมใหม่

รอบนี้ Apple เปิดตัว iPad เวอร์ชันใหม่ให้รองรับหลายระดับการใช้งานโดยเฉพาะการปรับโฉม iPad mini ให้รองรับ Apple pencil รุ่นที่ 2 และไม่มีปุ่มโฮม ตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการขยายตลาด iPad อย่างจริงจังนับจากนี้ หลังจากที่ ‘ทิม คุก’ กล่าวว่า ยอดขาย iPad เพิ่มขึ้น 40% ในปีที่ผ่านมา

ยอดขาย iPad เพิ่มขึ้น 40% ในปีที่ผ่านมา
iPad ใหม่จะขับเคลื่อนโดยชิป A13 มีประสิทธิภาพเร็วขึ้น 20% จากการอัปเดตครั้งก่อน เป็นฟีเจอร์ที่ Apple เพิ่มความตื่นเต้นด้วยการเทียบว่า ‘เร็วกว่า Chromebook ถึง 3 เท่า’ ถือว่าเป็นการบลัฟแล็ปท็อปรุ่นประหยัดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปีที่แล้วจากการที่โรงเรียนปิดทำการและนักเรียนต้องเรียนออนไลน์ในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19

ขณะที่ iPad Mini จะมาพร้อมชิป A15 เช่นเดียวกับใน iPhone 13 เพื่อยกระดับการใช้งานของ iPad Mini ให้ครอบคลุมผู้ใช้ระดับมืออาชีพที่ต้องการแท็บเล็ตที่พกพาได้เพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่สเปกของเครื่องจะอยู่ในกลุ่มเริ่มต้นใช้งานเท่านั้น

ที่สุดแล้ว Apple ในยุค iPhone 13 ก็ยังมีทิศทางขยายตัว อย่างมั่นคงปลอดภัยท่ามกลางปัญหาที่ยังมีมาให้แก้ไขไม่รู้จบ ล่าสุด Apple ออกแพตช์ความปลอดภัยเมื่อวันจันทร์ (13) สำหรับแก้ไขข้อบกพร่องใหม่ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงบริการ iMessage ได้โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้คลิกลิงก์หรือไฟล์ที่เป็นอันตรายซึ่งสร้างความกังวลไม่น้อยในวงการรักษาความปลอดภัย

สำหรับกรณีเสียงร้องเรียนว่าค่าคอมมิชชัน 30% ที่ Apple เรียกเก็บบน App Store นั้นสูงเกินไป ผู้พิพากษาเขตของสหรัฐฯ ได้ตัดสินแล้วว่า Apple ยังคงสามารถเรียกเก็บค่าคอมมิชชันจากนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในระดับเดิมได้ต่อไปและแม้ศาลจะตัดสินว่าบริษัทไม่สามารถห้ามนักพัฒนาไม่ให้ติด ‘ปุ่ม’ เพื่อลิงก์ไปสู่ระบบซื้อสินค้าและบริการภายนอกสโตร์แต่ Apple ก็สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของ App Store และหากนักพัฒนารายใดปฏิเสธที่จะจ่ายเงิน Apple ก็สามารถยกเลิกบริการบนแพลตฟอร์มได้

คำตัดสินนี้ทำให้เกมยอดนิยมอย่างฟอร์ทไนท์ (Fortnite) ที่ละเมิดสัญญาจะต้องชำระคืนในอัตรา 30% สะท้อนความเป็นไปได้ว่าแอปพลิเคชันบน App Store อาจจะหลากหลายน้อยลง


กำลังโหลดความคิดเห็น