ฟิตบิต (Fitbit) ชู 4 ฟีเจอร์ช่วยผู้ใช้ไม่ดาวน์ช่วงล็อกดาวน์ ระบุฟิตได้ทุกคนแม้จะกักตัวอยู่แต่ในบ้าน ที่สำคัญคือช่วยสุขภาพใจในช่วง WFH
Fitbit มองว่าท่ามกลางสถานการณ์อันไม่แน่นอนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ออฟฟิศของผู้ใช้หลายคนย่อมมีการประกาศให้ทำงานจากบ้าน หรือ Work From Home (WFH) การไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ติดต่อทุกอย่างผ่านหน้าจอทั้งวัน รวมไปถึงการแบ่งเวลา Work-Life Balance ที่ทำได้ยากมากขึ้น อาจทำให้สุขภาพกาย-ใจของหลายคนแย่ลง
เคล็ดลับแรกที่ Fitbit เชื่อว่าจะช่วยให้ทุกคน Work From Home ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และฟิตอยู่ตลอดเวลาคือ Stay Active ออกจาก Comfort Zone เนื่องจากการทำงานในทุกวันช่วง Work From Home นี้ล้วนแต่เป็นการทำงานผ่านหน้าจอ คุ้ดคู้อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ลักษณะการนั่งทำงานในท่านี้นานๆ นั้นทำให้สรีระของร่างกายมีการค่อมไปข้างหน้า ทำให้กล้ามเนื้ออยู่ผิดตำแหน่ง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาหารปวดล้าได้
ดังนั้น ฟีเจอร์ Reminder To Move จากฟิตบิทจะสามารถ "สะกิดเบาๆ" ที่ข้อมืออัตโนมัติให้ลุกออกมาจากโต๊ะทำงานอันอึมครึม ยังมีฟีเจอร์ Active Zone Minute (AZM) ที่ช่วยติดตามเวลาขณะออกกำลังกาย ผู้ใช้ควรตั้งเป้าขยับและทำกิจกรรมต่างๆ ให้ครบ 150 ชั่วโมง หรือพยายามออกกำลังกายจริงจังให้ครบ 75 นาทีต่ออาทิตย์ ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา (AHA) และ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) แนะนำ
ฟีเจอร์ที่ 2 คือการนับแคลผ่าน Food Logging แทนที่จะวางแผนจัดการการกินในแต่ละวันด้วยการคำนวณเอง Fitbit มีฟีเจอร์ Food Logging เป็นฟีเจอร์จัดการแคลอรีสุดอัจฉริยะที่มีข้อมูลว่าอะไรกี่แคลเลอรี ขณะที่ฟีเจอร์ที่ 3 คือ Sleep Score ที่ช่วยเก็บอัตราการเต้นของหัวใจ หรือรูปแบบการนอน มาช่วยประเมินประสิทธิภาพการนอนของผู้ใช้ได้
ฟีเจอร์ที่ 4 คือ Fitbit Premium ฟีเจอร์นี้ช่วยตอบโจทย์การออกกำลังกายของคนยุคใหม่มากขึ้น ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด (SpO2) อัตราการหายใจ ความแปรผันของหัวใจ และอีกมากมายที่รวบมาไว้ให้ในที่เดียวผ่าน Health Metrics Dashboard
ทั้ง 4 ฟีเจอร์นี้ล้วนทำให้ผู้ใช้ได้เห็นภาพรวมความฟิตของทุกคนได้ง่ายยิ่งขึ้น และไม่เพียงเท่านั้น ทุกคนยังสามารถฟิตกายใจไปกับคอร์สดูแลสุขภาพ และแผนออกกำลังกายมากมายที่จะทำให้ฟิตได้ แม้จะ Work From Home