xs
xsm
sm
md
lg

Blendata ฝันใหญ่! Big Data ไทยไปเอเปก (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชัยยุทธ ชุณหะชา (ขวา) กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล และณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เบลนเดต้า จำกัด
Blendata (เบลนเดต้า) นิยามตัวเองว่าเป็นบริษัทผู้พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการบิ๊กดาต้า (Big Data) อัจฉริยะรายแรกของไทย เป้าหมายที่วางไว้คือการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้นแบบครบวงจร แม้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้าน Big Data

ด้วย Blendata ธุรกิจจะทำงานกับข้อมูลมหาศาลได้รวดเร็วขึ้น 3 เท่า และลดต้นทุนได้ถึง 2 ใน 3 Blendata ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท ‘จีเอเบิล’ ตั้งใจเติบโตเบาๆ 100% ในปี 2564 พร้อมจะก้าวไปตีตลาดเอเปกในอีก 5 ปีจากนี้

***ทำไมมั่นใจ?

ชัยยุทธ ชุณหะชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล ต้นสังกัดของ Blendata เชื่อมั่นในอนาคตค่อนข้างสูง โดยมองว่านาทีนี้โลกกำลังอยู่ในยุคที่ธุรกิจกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ

Big Data ในตลาดโลกถูกคาดการณ์ว่าจะโตถึง 230,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7 ล้านล้านบาท ภายในปี 2568 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่โควิด-19 ในปัจจุบัน เป็นตัวเร่งความสำคัญของการใช้ Big Data เพื่อดำเนินธุรกิจ

ภาพใหญ่ของการพัฒนาธุรกิจทุกวันนี้ เห็นชัดว่าการตัดสินใจและการทำงานทุกอย่างล้วนต้องใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์และการตัดสินใจมากขึ้น ไม่ไช่เฉพาะฝ่ายบริหาร แต่ทุกฝ่ายในองค์กรก็ต้องใช้ข้อมูลด้วย

"ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดเติบโตคือ Big Data ช่วยในการตัดสินใจในชีวิตประจำวัน เหมือนการขับรถ ที่ผู้ขับจะต้องสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ขณะเดียวกัน ก็ต้องได้รับข้อมูลที่แม่นยำ และคิดประมวลผลได้ทันเวลา แถมยังต้องปรับตามสถานการณ์จึงจะสามารถขับรถถึงที่หมายอย่างปลอดภัย" ชัยยุทธกล่าว "ลักษณะนี้ไม่ต่างจากการทำธุรกิจที่ทุกคนต้องปรับตัวในยุคโควิด-19 ธุรกิจจำเป็นต้องมี Data ไม่ควรใช้ประสบการณ์อย่างเดียว เพราะอาจไม่พอ แม้จะเดินไปข้างหน้าได้แต่ก็อาจจะไปไม่ถึงฝัน"

ชัยยุทธ ชุณหะชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล ต้นสังกัดของ Blendata
แม้หลายองค์กรจะรู้ว่า Data เป็นสิ่งที่ทำให้องค์กรเดินไปข้างหน้าได้ แต่ยังมีหลายองค์กรที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก Data ได้ เพราะ 2 ปัจจัยที่ขวางทางองค์กรอยู่คือความซับซ้อนของ Data และต้นทุนที่ต้องจ่าย

การผลักดันให้พนักงานทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ข้อมูลได้ด้วยตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หลายองค์กรยังคงต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลและเครื่องมือมากมายในการบริหารจัดการ ความซับซ้อนยังเกิดขึ้นเพราะข้อมูลมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาเร็วหลากช่องทางและหลายรูปแบบ จนทำให้หลายองค์กรคิดว่าทำไม่ได้

เพื่อเอาชนะความท้าทายที่เกิดขึ้น จีเอเบิลและ Blendata จึงมองหาโซลูชันที่เปิดให้องค์กรสามารถบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จาก Big Data ได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และไม่ซับซ้อน แบบที่บุคลากรทุกคนในองค์กรสามารถใช้งานได้ เพื่อช่วยให้ธุรกิจมีผลการดำเนินงานที่ดีและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

Blendata Enterprise ของ Blendata ถูกโปรโมตว่าสามารถช่วยให้จัดการข้อมูลที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้น 270% หรือ 3 เท่าตัว และช่วยประหยัดต้นทุนได้ถึง 160%
‘การประมวลผล Big Data ในองค์กรนั้นไม่ต่างจากการขับรถจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ในเวลา 9 ชั่วโมงทุกวัน แม้จะสามารถเดินทางได้ถึงแต่จะเหนื่อยและเสี่ยง ดังนั้น การทำธุรกิจแบบไม่มีเครื่องมือจึงเหมือนกับขับรถเร็วทางไกลในเวลากลางคืน สิ่งที่บริษัททำคือการสร้างเครื่องมือที่ออกแบบให้ทำงานออนท็อปบนแพลตฟอร์มเดิมได้’

Blendata อาสาเป็นคำตอบให้โจทย์นี้ และแจ้งเกิดแล้วในฐานะบริษัทคนรุ่นใหม่ภายใต้การผลักดันของจีเอเบิล ที่ไม่ได้เกิดจากความคิดผู้บริหาร แต่เกิดจากความคิดและความตั้งใจของพนักงานจีเอเบิลนานกว่า 5 ปีที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการ Big Data ที่ตอบโจทย์การใช้งาน All-in-one แบบครบวงจร

***โหนกระแสยุค Data-Driven

Blendata ถูกสร้างเพื่อเป็นแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนวิธีการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนให้สะดวกและง่ายขึ้น แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้าน IT ทำให้ธุรกิจและองค์กรสามารถก้าวเข้าสู่ยุคของการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) ได้อย่างรวดเร็ว

ณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เบลนเดต้า จำกัด ระบุว่า Blendata เป็นแพลตฟอร์ม Big Data รายแรกในประเทศไทยที่ทำงานรองรับทุกองค์กร โดยทำงานบนคลาวด์แบบไม่ต้องมีการติดตั้ง และมีรูปแบบค่าใช้จ่ายต่างระดับซึ่งลูกค้าสามารถเลือกหรือขยายได้ตามต้องการ เมื่อเป็นรายแรก คู่แข่งโดยตรงในประเทศไทยของ Blendata จึงยังเห็นไม่ชัด แม้ผู้ให้บริการในต่างประเทศบางเจ้าจะเริ่มให้บริการบ้างแล้ว

"ความต้องการใช้แพลตฟอร์ม Big Data ในภาคธุรกิจวันนี้ยังเยอะ พื้นที่ตลาด Big Data ยังมีอยู่หลากหลาย Blendata จะโฟกัสที่องค์กรซึ่งไม่อยากเสียเวลาพัฒนา แต่อยากใช้งานได้เลย ตรงนี้เป็นจุดยืนทางการตลาดของเรา" ณัฐนภัสระบุ "แต่องค์กรที่มีพูลอยู่แล้วจะสามารถใช้แพลตฟอร์มเป็นส่วนเสริมหรือฟูลฟิลได้ Blendata จะเข้ามาช่วยต่อจุดหรือคอนเน็กเดอะด็อทในส่วนนี้ทำให้ Blendata กับ Big Data เจ้าอื่นไม่ได้แข่งกันแต่จะเสริมกัน"

   ณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เบลนเดต้า จำกัด
บทสรุป 6 จุดเด่นของ Blendata คือ การเป็นแพลตฟอร์มที่ครบวงจรที่ลดเวลาและความซับซ้อนในการรวบรวมข้อมูลในองค์กร บริหารจัดการ ประมวลผลข้อมูล และนำข้อมูลไปใช้ เช่น การสร้างแดชบอร์ดแสดงผลภาพรวมได้ง่ายแบบไม่ต้องเขียนโค้ด

จุดเด่นที่ 2 และ 3 คือ เชื่อมต่อข้อมูลมหาศาลในองค์กรและนำมาใช้งานได้จากหลากหลายแหล่ง ทั้งจาก Databases, Flat files, Log, และ Cloud Storages นอกจากนี้ ยังประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แม้เป็นข้อมูลจำนวนมหาศาล ด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลในหน่วยความจำแบบคู่ขนาน

จุดที่ 4 คือ แพลตฟอร์มแบบเปิด เก็บข้อมูลในรูปแบบ Open formats พร้อม API ที่สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นได้ ไม่เฉพาะกับ Blendata ขณะที่จุดที่ 5 คือ ทำงานอิสระในทุกระบบ รองรับ Bare metal, Virtual Machine, Hyper-converged หรือแม้กระทั่งทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีอยู่แล้ว เช่น Hadoop ecosystem

จุดเด่นที่ 6 คือ ลดการลงทุนทางด้านบุคลากร ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และการบำรุงรักษาด้วยการรวบรวมทุกฟังก์ชันในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่มาไว้ในแพลตฟอร์มเดียวปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ที่เริ่มให้บริการแล้วคือ แพลตฟอร์ม ‘Blendata Enterprise’ จับกลุ่มเป้าหมายองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งนี้ มีแผนในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ Big Data เพื่อขยายการบริการให้ครอบคลุม และตอบความต้องการไปยังธุรกิจขนาดกลางภายในปีนี้

ในเชิงสถิติ แพลตฟอร์ม ‘Blendata Enterprise’ ของ Blendata ถูกโปรโมตว่าสามารถช่วยให้จัดการข้อมูลที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้น 270% หรือ 3 เท่าตัว และช่วยประหยัดต้นทุนได้ถึง 160% หรือ 2 ใน 3 ปัจจุบันมีลูกค้าจากบริษัทชั้นนำจำนวนกว่า 15 ราย จาก 11 อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมโทรคมนาคม อุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร และอุตสาหกรรมบริการ เป็นต้น

นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2558 ที่เริ่มก่อตั้ง ธุรกิจสามารถเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 50% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ในปี 2563 Blendata เติบโตถึง 7 เท่าของรายได้ในปีแรก และในปี 2564 นี้ตั้งเป้าหมายเติบโต 100% ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3 ปี นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศกลุ่มเอเปกภายใน 5 ปี

ในปี 2564 นี้ Blendata  ตั้งเป้าหมายเติบโต 100% ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3 ปี นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศกลุ่มเอเปกภายใน 5 ปี
‘Blendata สามารถรองรับการเก็บข้อมูลบนคลาวด์ทั้งในและนอกประเทศ เรามีพันธมิตรทั้ง 2 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับลูกค้าที่จะเลือกใช้งานตามความต้องการ’ ผู้บริหารกล่าวพร้อมกับเผยว่า ช่วงหลังโควิด-19 บริษัทสนใจขยายไปตลาดกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม (CLMV) รวมถึงเอเปก เนื่องจากมีพาร์ตเนอร์ที่เห็นศักยภาพและอยากจะพาไปแนะนำกับลูกค้า จุดนี้พบว่ามีดีมานด์แล้ว ซึ่งนอกจากรายได้ บริษัทอยากให้เสริมแกร่ง SME ในเมืองไทยเป็นหลัก เบื้องต้น ยอมรับว่าการเติบโตต้องใช้เวลาและปัจจุบันอยู่ในจุดเริ่มต้นซึ่งบริษัทต้องพยายามต่อไป

ในภาพรวม กลุ่มบริษัทจีเอเบิลมั่นใจว่าจะใช้ฐานะผู้นำในการให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลโซลูชันอย่างครบวงจร ที่มีประสบการณ์มากกว่า 32 ปี มาช่วยทรานส์ฟอร์มธุรกิจต่างๆ ให้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจได้สำเร็จตามเป้าหมาย โดยมุมมองของจีเอเบิล Blendata เป็นเรือธงใหม่ที่อยู่ใน 3 กลยุทธ์หลักของบริษัทเพื่อเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มของตัวเอง ซึ่งไม่เพียงพอต่อยอดรายได้ของบริษัทให้เป็นเอสเคิร์ฟ แต่ยังสามารถสร้างจุดแตกต่างให้บริษัทเหนือกว่าคู่แข่งที่เป็น SI ทั่วไป

ฝันให้ไกล แล้วต้องไปให้ถึงนะ


กำลังโหลดความคิดเห็น