“แมเวเนียร์” (Mavenir) เน็ตเวิร์กซอฟต์แวร์โพรไวเดอร์สัญชาติอเมริกันยกประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดหลัก 5G ของภูมิภาค ประทับใจไทยก้าวหน้าหลังนำร่องโครงการ 3 โปรเจกต์กับองค์กรไทย ฟันธงเครือข่ายส่วนตัวในองค์กรแบบ 5G (5G Private Network) จะบูมแรงในตลาดเอเชียแฟซิฟิก การสำรวจฟันธงตลาดไพรเวตเน็ตเวิร์กโลกโตกระฉูด 8,320 ล้านเหรียญสหรัฐใน 6 ปีข้างหน้า เบื้องต้น ปฏิเสธเผยงบลงทุนในไทยแต่ตั้งเป้าเดินหน้าทำกิจกรรมหลายด้านเพื่อนำประสบการณ์ทั้งการวิจัยและการตั้งทีมทำงานเพื่อยกระดับอาเซียน
อนิรุโธ บาสุ (Aniruddho Basu) รองประธานอาวุโส กลุ่มธุรกิจเกิดใหม่ Mavenir กล่าวถึงแนวโน้มและทิศทางการนำเครือข่ายส่วนตัวหรือไพรเวตเน็ตเวิร์ก (Private Network) เข้ามาใช้งานในภูมิภาคว่า 5G จะเป็นสิ่งสำคัญในวิถีชีวิตผู้คนช่วงไม่กี่ปีนับจากนี้ และเมืองทั้งเมืองจะเชื่อมต่อกันทั้งระหว่างผู้คน ชุมชน บริการต่างจากทางภาครัฐ และภาคเอกชน กลายเป็นโครงสร้างที่นำไปสู่ Smart City มีผลเปลี่ยนชีวิตทุกชีวิต ทุกอุตสาหกรรม ทุกสังคมและเศรษฐกิจให้เติบโต แนวโน้มนี้ทำให้มีความต้องการเครือข่ายส่วนตัวที่ปลอดภัย โดยเฉพาะเอเชียแปซิฟิกที่จะมีความต้องการไพรเวตเน็ตเวิร์กสูงมาก
“การเปลี่ยนแปลงจะทำให้เกิดดาต้าและการเชื่อมต่อใหญ่ขึ้น ข้อมูลมหาศาลจะหลั่งไหลมาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ตลอดเวลา ทั้งหมดนี้ทำให้ตลาดมีความต้องการสูงมากบนยูสเคสที่มีความหลากหลายมากขึ้นเกิน 1 พันเท่าตัว”
เมื่อข้อมูลมาก ก็ต้องการความปลอดภัยมาก ภาวะนี้เป็นผลดีต่อ Mavenir ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์เครือข่ายโทรคมนาคม หรือ Network Software Provider ที่วางโฟกัสตัวเองเป็นคลาวด์เนทีฟครบวงจรรายเดียวในอุตสาหกรรม จุดเด่นที่ Mavenir พยายามชูคือการเป็นผู้เปลี่ยนแปลงวิธีการเชื่อมต่อสื่อสารให้มีความปลอดภัย ผ่านการติดซอฟต์แวร์บนระบบเครือข่ายของผู้ให้บริการการสื่อสารมากกว่า 250 ราย ใน 120 ประเทศ ซึ่งเบ็ดสร็จแล้วรองรับการสื่อสารมากกว่า 50% ของประชากรโลก
ในยุค 5G เช่นนี้ Mavenir วางเดิมพันธุรกิจไว้ที่ตลาด 5G Private Network เพราะมั่นใจว่าระบบเครือข่ายส่วนตัวจะได้รับความนิยม ส่วนหนึ่งคือเครือข่ายนี้มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและกลุ่มประชากรในเอเชียแปซิฟิก เพราะอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาแรงงานต้องหันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการแข่งขันในเศรษฐกิจขั้นก้าวหน้า พร้อมกับที่ประชาชากรสูงอายุ หรือ aging population จะลดการใช้แรงงานลง แต่จะเพิ่มความต้องการด้านสุขอนามัย การเติบโตทางเศรษฐกิจขึ้นกับเครือข่ายข้อมูลที่บูรณาการกันทุกระดับชั้นของทางหน่วยงานภาครัฐทั้งหมด
ดอน ไพรซ์ (Don Price) ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีระดับโลก กลุ่มธุรกิจเกิดใหม่และตลาดองค์กรธุรกิจ มองว่าเอเชียแปซิฟิกจะเป็นตลาดใหญ่ของธุรกิจ 5G Private Network เนื่องจากภายในปี 2030 เมืองใหญ่ของโลก หรือ Mega city จะอยู่ในเอเชียแปซิฟิกกว่า 50% ขณะที่ธุรกิจเทคโนโลยีสุขภาพ (Digital Health) ในเอเชียแปซิฟิกระหว่างปี 2020 ถึง 2026 จะเป็นเติบโตเฉลี่ย 32% ต่อปี และ 43% ของระบบการผลิตต่างๆ นั้นปักหลักอยู่ที่เอเชียแปซิฟิก
4 คีย์ดัน 5G Private Network โต
บริษัทมองว่า 1 ใน 4 ปัจจัยผลักดันให้มีการนำเครือข่ายส่วนตัวแบบ 5G มาใช้งานทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย คือความปลอดภัย ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่และสำคัญที่สุด เนื่องจากทุกระบบต้องทำงานออนไลน์ทำให้ความปลอดภัยของข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้น ปัจจัยที่ 2 คือประสิทธิผลในการทำงาน เนื่องจากมีความจำเป็นในการใช้เครื่องมือเพื่อบริหาร output หรือการแสดงผลจากอุปกรณ์มากมายที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่าในตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ปัจจัยที่ 3 คือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากการมีอุปกรณ์มากมายในชีวิตประจำวันทำให้เครือข่าย Private Network เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมี ขณะที่ปัจจัยที่ 4 คือชุมชน หรือ community ที่ Private Network จะช่วยยกระดับให้การเชื่อมต่อในชุมชนหรือในกลุ่มคนมีประสิทธิภาพและใกล้ชิดมากขึ้น
การสำรวจล่าสุดพบว่า การใช้งาน Private Network จะมีมูลค่าทะลุ 8,320 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2027 ผลจากความสำคัญของข้อมูลที่จะเป็นตัวดันให้เครือข่ายส่วนตัวเป็นที่ต้องการ ทั้งในกลุ่มที่อยู่อาศัย อาคารธุรกิจ กลุ่มอาคารอุตสาหกรรมยานพาหนะต่างๆส่วนบุคคล กลุ่มโลจิสติกส์ รถสาธารณะ เมืองที่มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 100,000 คน ฐานทัพ ประเทศที่กำลังพัฒนา โรงกรองน้ำประปาสำหรับการสาธารณูปโภค โรงพยาบาล ดาต้าเซ็นเตอร์ โกดังสินค้าประเภทต่างๆ โรงงาน (ที่มีคนไม่ถึง 100 คน) ฟาร์มการเกษตร กสิกรรม (ที่มีพื้นที่ 50 กว่า เฮกตาร์) สถานีขุดเจาะน้ำมัน การทำเหมือง
5 เซกเมนต์ตลาดที่ Mavenir โฟกัสในการนำเสนอยูสเคสของ 5G Private Network คืออีคอมเมิร์ซ ธุรกิจสุขภาพ สมาร์ทซิตี ภาคการผลิต และอุตสาหกรรมขุดเจาะอุโมงค์ สำหรับประเทศไทยถูก Mavenir จัดอยู่ร่วมในกลุ่มเดียวกับสิงคโปร์ซึ่งโฟกัสที่ธุรกิจเฮลท์แคร์จริงจัง จุดนี้บริษัทเชื่อว่า Private Network จะเป็นส่วนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมในการสร้างความแตกต่าง ขณะเดียวกัน กรุงเทพฯยังสามารถใช้ Private Network ในระบบกล้องวงจรปิดภายในเมือง รวมถึงระบบควบคุมไฟจราจร และภาคการผลิตที่เข้มแข็งมากในประเทศไทย และเวียดนาม
เบน แพทุลโล (Ben Patullo) รองประธาน ฝ่ายขาย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยว่า ปัจจุบัน Mavenir นำร่องแล้วใน 3 โครงการหลักในประเทศไทย ได้แก่ Smart City บ้านฉาง ระยอง ซึ่ง Mavenir ยกตัวเองเป็นเบื้องหลังสมาร์ทซิตีแห่งแรกในประเทศไทย ด้วยระบบผสานเทคโนโลยี 5G แบบเปิดบนเครือข่ายส่วนตัวระดับ mmWave เทคโนโลยีเครือข่ายส่วนตัวบนเครือข่าย 5G ตั้งแต่ต้นสู่ปลายทางพร้อมเทคโนโลยีเชื่อมต่อสัญญาณวิทยุระบบเปิด (Open RAN) เป็นเครือข่ายที่พร้อมเข้าถึงคลาวด์บน 5G ที่พร้อมให้อุปกรณ์และแอปพลิเคชันสามารถทำงานร่วมกัน รวมถึงวิเคราะห์และประสานให้กลายเป็นระบบนิเวศเดียวกัน ทั้งหมดนี้ทำบนความร่วมมือกับทีโอที หรือเอ็นทีในปัจจุบัน ทำให้เสาสมาร์ทโพลในบ้านฉางสามารถวัดมลพิษได้ มีการทำ IoT ร่วมกับพันธมิตรหลายฝ่าย
ยังมีโครงการที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยอง ซึ่งใช้ 5G Open RAN mmWave Private Network เพิ่มคุณภาพของการผลิตโดยการปรับปรุงในประสิทธิภาพความสามารถด้านโลจิสติกส์และการควบคุมคุณภาพระบบสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่มีอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพิ่มเทคโนโลยีเพื่อทดแทนแรงงานมนุษย์ ด้วยกล้อง UHD และ AGV
นอกจากนี้ คือโครงการเพิ่มความปลอดภัยจังหวัดทางภาคเหนือของไทย เป็นโครงการยกระดับความปลอดภัยระดับประเทศโดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานทางทหาร มีการใช้ 4G ในระบบวิเคราะห์วิดีโอผ่านโดรน ซึ่งจะบินตรวจจับภาพเหตุร้ายระหว่างช่วงชายแดน
ทางด่วนน่าขึ้น
แม้ 5G Private Network อาจถูกมองว่าจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย แต่ในทางกลับกัน Mavenir มองว่าเครือข่ายส่วนตัวนี้มีลักษณะคล้ายกับทางด่วนในเมืองใหญ่ ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศเลือกสร้างทางด่วนเหนือทางจราจรทั่วไป ทั้งที่รู้ว่าจะต้องเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ก็ยังมีการสร้างและให้บริการเนื่องจากเป็นผลดีต่อผู้ใช้งาน เบื้องต้นเชื่อว่าเมื่อใดก็ตามที่โลกมี “G ใหม่” ก็จะทำให้มีผู้ใช้รายใหม่เพิ่มขึ้นบนเทคโนโลยีที่ราคาต่ำลง ดังนั้น ในยุค 5G เครือข่าย 5G Private Network ในอนาคตก็จะประหยัดต้นทุนได้มากกว่านี้
ในภาพรวม ผู้บริหารยกตัวอย่างประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความพร้อมมากที่สุดในอาเซียน แม้ในฟิลิปปินส์จะเริ่มมีความเคลื่อนไหวโครงการ 5G แล้วแต่ยังดำเนินการได้ช้า ดังนั้น ประเทศไทยจึงเป็นปรากฏการณ์ 5G ที่มีนโยบายและการดำเนินการก้าวไกลจนน่าประทับใจหลายด้าน
ผู้บริหารชี้ว่า แม้จะไม่สามารถเปิดเผยแผนการลงทุนในไทยได้ แต่ในแง่ปฏิบัติ บริษัทมองเป้าหมายว่าอาเซียนเป็นตลาดที่สำคัญมาก จึงวางแผนทำกิจกรรมมากมาย รวมถึงการปรับใช้ประสบการณ์ที่บริษัทมี เพื่อทำให้เกิดการร่วมมือระหว่างอีโคซิสเต็มและทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่ เบื้องต้น วางแผนนำเอาประสบการณ์ทั้งการสร้าง การวิจัย และการพัฒนาเทคโนโลยีมาสู่ภูมิภาค โดยจะมีคณะทำงานใกล้ชิดในด้านเทคโนโลยีเพื่อให้เกิดเน้นการวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมสำหรับภูมิภาค
ที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมมือทำงานกับภาครัฐและหน่วยงานอื่นในระดับอุตสาหกรรม รวมถึงสถาบันการศึกษา เช่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่มีการร่วมมือก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีพันธมิตร เช่น Nvidia, Intel และ Cisco รวมถึงอีกหลายรายที่จะร่วมมือกันเพื่อให้เกิดคุณค่าในระดับท้องถิ่น หรือ local value ถือเป็นคีย์โปรแกรมที่จะทำให้เกิดการต่อยอดความร่วมมืออื่นๆ อีกในอนาคต คาดว่าจะทำให้ไทยเป็นตลาดที่เติบโตก้าวกระโดดและเป็นพื้นที่ที่มียูสเคส 5G หลากหลาย
