งานเข้าเครือข่ายวิดีโอสั้นสุดฮิตอย่างติ๊กตอก (TikTok) ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญห่วงว่าวิดีโอที่โชว์ภาพผู้ทำทรีตเมนต์ “ฮอตแว็กซ์แบบเต็มหน้า” หรือการกำจัดขนด้วยขี้ผึ้งร้อนโดยการทาทั่วทั้งหน้า จะทำให้เยาวชนผู้ชม TikTok ลอกเลียนแบบ เตือนวิธีการนี้เป็นอันตรายต่อผิวหนัง และควรต้องมีการประกาศเตือนให้ชัดเจนโดยเฉพาะเมื่อวิดีโอนี้โด่งดังจนเกิดการส่งต่อจนเป็นไวรัล
วิดีโอต้นเหตุนี้เป็นภาพจากบรรยากาศในร้านตัดผมชาย ซึ่งมีชายที่ถูกป้ายเรซินชนิดอ่อนไว้ทั่วใบหน้า ปาก ลำคอ หู และจมูก จนกระทั่งเรซินถูกดึงออกเพื่อกำจัดขนแบบรวดเร็ว ทั้งหมดนี้มีช่างตัดผมบางรายระบุว่าเป็นการสาธิตที่มีประโยชน์
แต่สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งอังกฤษ (BAD) ชี้แจงผ่านสำนักข่าวบีบีซีว่า ไม่แนะนำให้ใครพยายามแว็กซ์เข้าไปในจมูกหรือช่องหู เพราะอาจมีความเสี่ยงของการหายใจติดขัด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งแนะนำว่า TikTok ควรเพิ่มคำเตือนไม่ให้มีการลอกเลียนแบบ
อย่างไรก็ตาม มีการระบุว่า วิดีโอดังกล่าวไม่อยู่ในหลักเกณฑ์หรือเข้าข่ายพฤติกรรมที่เป็นอันตราย เนื่องจากเป็นวิดีโอที่แสดงให้เห็นความเชี่ยวชาญของผู้ที่มีทักษะ
สำหรับต้นเรื่องของวิดีโอนี้คือร้านตัดผมชายชื่อ Kapsalon Freedom ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีผู้ติดตามใน TikTok มากกว่า 800,000 คน วิดีโอฮอตแว็กซ์จากร้านนี้เริ่มถูกโพสต์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ท่ามกลางผู้เข้าชมเกือบ 84 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นไวรัลหลังจากที่สื่อดัตช์มีการรายงานข่าวในวงกว้าง
แม้ในวิดีโอจะเห็นว่ามีการใช้สำลีก้านเพื่อให้หายใจได้ขณะที่แว็กซ์คลุมเต็มหน้า รวมถึงมีแถบกระดาษเพื่อใช้ป้องกันขนตาและคิ้ว แต่ก็ยังเป็นวิธีการที่อันตรายในสายตาผู้เชี่ยวชาญ จุดนี้ช่างตัดผมอย่างเรนาช อิสมาเอล (Renaz Ismael) แย้งว่า การแว็กซ์ใบหน้าเป็นเรื่องปกติในบ้านเกิดแถบตะวันออกกลาง ซึ่งการแว็กซ์แบบใหม่เป็นวิดีโอที่เพิ่งคิดค้นเพื่อยกระดับการกำจัดขน
ขณะนี้ อิสมาเอลใช้แฮชแท็ก #viral เพื่อโปรโมตคลิป ร่วมกับการโพสต์บน Facebook, Instagram และ YouTube ซึ่งดึงดูดผู้ชมได้ไม่เท่า TikTok ด้านผู้เชี่ยวชาญยังคงย้ำว่า หากขี้ผึ้งแข็งตัวแล้วขวางทางเดินหายใจ ผู้โชคร้ายจะต้องผ่าตัดออก ยังมีความเสี่ยงจากการกระทบกระเทือนที่อาจเกิดการอักเสบหรือหนอง ขณะที่ร้านตัดผมบางร้านไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ และร้านที่แว็กซ์ผิวบอบบางให้ลูกค้านั้นเป็นร้านที่ขาดความรับผิดชอบ
สำหรับ BAD นั้นกังวลว่า วิดีโอนี้อาจนำไปสู่การลอกเลียนแบบ ดังนั้น จึงควรมีการประกาศเตือน เพราะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสามารถแพร่กระจายเทรนด์ด้านสุขภาพและความงามได้อย่างรวดเร็ว และจะเป็นการดีหากมีการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น
