ตัวกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่พบและกำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในสหราชอาณาจักร มีความเป็นไปได้ที่ระบาดลามไปทั่วโลก จากคำเตือนของชารอน พีค็อก ผู้อำนวยการคณะวิจัยพันธุกรรมเชื้อโควิด-19 แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบีบีซีเมื่อวันพุธ (10 ก.พ.)
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์สหราชอาณาจักร ที่แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่าตัวดั้งเดิม 70% ถูกพบครั้งแรกที่เมืองเคนท์ของอังกฤษ ในเดือนกันยายน 2020 และเวลานี้มันถูกพบแล้วอย่างน้อย 86 ประเทศ และเป็นตัวเร่งมาตรการล็อกดาวน์ของสหราชอาณาจักรในปัจจุบัน
“ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ได้ครองอังกฤษ และมีความเป็นไปได้ที่จะครองโลก” พีค็อกกล่าว
พีค็อกคาดหมายว่างานถอดรหัสพันธุกรรมของเธอ ซึ่งแกะรอยการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาจจำเป็นต้องลากยาวไปอีกทศวรรษ ในขณะที่ไวรัสยังคงแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก
“เรากำลังจัดทำบัญชีรายชื่อบรรดาตัวกลายพันธุ์ลำดับต้นๆ ที่เรากังวล ที่เราต้องจับตามอง หากมองไปยังอนาคต ฉันคิดว่าเราคงต้องทำงานนี้ต่อไปอีกหลายปี ตามมุมมองของฉัน ฉันคิดว่าเรายังคงต้องทำแบบนี้ต่อไปอีก 10 ปี” เธอบอกกับสถานีโทรทัศน์บีบีซี
ในคำถามเกี่ยวกับต้นกำเนิดของตัวกลายพันธุ์สหราชอาณาจักร หรือที่เรียกว่า B.1.1.7 ทางพีค็อกบอกว่ามีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้น บ่งชี้ว่ามันวิวัฒนาการมาจากคนไข้ที่มีภูมิต้านทานต่ำรายหนึ่ง
“ไวรัสนี้ต่างจากสิ่งอื่นๆ มันมีแค่คำอธิบายที่เป็นไปได้อยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือมีพาหะนำพา ส่วนอย่างที่สองที่เหตุผลค่อนข้างมาก คือมีคนไข้รายหนึ่งมีเชื้อคุกรุ่นในตัวนานหลายเดือน และพอเวลาล่วงเลยไป ไวรัสก็มีโอกาสปรับตัวและเปลี่ยนแปลง ฉันคิดว่ามันมีหลักฐานข้อมูลบางอย่างเพิ่มมากขึ้นที่มันจะเป็นกรณีหลังนี้”
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคยเตือนเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม ว่าตัวกลายพันธุ์สหราชอาณาจักรของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาจมีความอันตรายร้ายแรงกว่าสายพันธุ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้ถึง 30%
อย่างไรก็ตาม พีค็อกบอกกับบีบีซีเมื่อวันพุธ (10 ก.พ.) ว่าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนสนับสนุนทฤษฎีดังกล่าว “เรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ฉันคิดว่ายังไม่หลักฐานไม่แน่ชัด ฉันคิดว่ามันยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ” เธอกล่าว
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น/บีบีซี)
