ไทยคมยันสัญญาไทยคม 5 ถูกต้อง เน้นความต่อเนื่องให้บริการ ย้ำรัฐได้เงินครบทุกเม็ด แม้จะย้ายลูกค้าไทยคม 5 ไปดวงอื่น
นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) แถลงชี้แจงกรณีข้อเรียกร้องของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เกี่ยวกับดาวเทียมไทยคม 5 ว่า ตามที่กระทรวงดีอีเอส เรียกร้องให้บริษัทดำเนินการสร้างและส่งมอบดาวเทียมทดแทนไทยคม 5 หรือชดใช้ค่าเสียหายเป็นราคาดาวเทียมซึ่งนำไปสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการนั้น
บริษัท ขอชี้แจงว่า บริษัทได้ดำเนินการจัดส่งดาวเทียมขึ้นให้บริการครบถ้วนตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานแล้วจึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดสร้างดาวเทียมดวงใหม่มาทดแทนดาวเทียมไทยคม 5 ตามข้อเรียกร้อง โดยในปัจจุบันยังมีดาวเทียมอีก 2 ดวงคือ ไทยคม 4 และไทยคม 6 ที่บริษัทได้โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่กระทรวงดีอีเอส แล้วและยังมีอายุวิศวกรรมเกินระยะเวลาสิ้นสุดสัมปทานซึ่งกระทรวงดีอีเอส สามารถนำไปบริหารจัดการต่อไป
ทั้งนี้ สัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคมเกิดขึ้นมานานเกือบ 30 ปี โดยมีการกำหนดเงื่อนไขในเชิงกรอบดำเนินการและหลักการปฏิบัติและมีการอ้างอิงกับแผนดำเนินการที่ บริษัทสนอ และกระทรวงดีอีเอสได้ให้ความเห็นชอบโดยเน้นความต่อเนื่องของบริการดาวเทียมตลอดอายุสัญญาในแผนดำเนินการที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญากำหนดให้ บริษัทจัดสร้างดาวเทียม 2 ชุด รวม 4 ดวงโดยแต่ละชุดประกอบด้วยดาวเทียมหลักและดาวเทียมสำรอง และเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงดาวเทียมที่ยังมีอายุวิศวกรรมเหลือใช้งานได้อยู่กระทรวงดีอีเอสก็สามารถนำไปบริหารจัดการเลยระยะต่อไป
นายอนันต์ กล่าวอีกว่า ในการดำเนินการตามสัญญาจนถึงปัจจุบัน บริษัทได้มีการจัดสร้างและโอนกรรมสิทธิ์ดาวเทียมให้รัฐไปแล้ว 6 ดวง มากกว่าที่กำหนดไว้ในแผนกรณีการขัดข้องของดาวเทียมไทยคม 5 ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องปลดระวางไปนั้นกระทรวงดีอีเอสทราบถึงอายุการใช้งานของดาวเทียมไทยคม 5 ตามที่ออกแบบไว้ในขณะที่ขออนุมัติจัดส่งว่าดาวเทียมไทยคม 5 จะครบอายุการใช้งานตามที่ออกแบบไว้ (ครบอายุในปี 2561) และเมื่อเกิดกรณีการขัดข้องของดาวเทียมไทยคม 5 เนื่องจากการใช้งานเกินกว่าอายุที่กำหนดซึ่งเป็นเหตุให้ต้องปลดระวางในวันที่ 25 ก.พ.2563 บริษัทมีการหารือกับกระทรวงดีอีเอส และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช. ) ล่วงหน้าและแจ้งแผนการปลดระวางให้ทุกฝ่ายทราบและขออนุมัติก่อน
นอกจากนั้น บริษัทได้นำส่วนแบ่งรายได้จากลูกค้าที่ได้รับผลกระทบนำส่งกระทรวงดีอีเอส เป็นค่าชดเชย รวมถึงเจรจากับบริษัท ประกันภัยเพื่อนำเงินสินไหมทดแทนส่งมอบกระทรวงดีอีเอสต่อไป และบริษัทยังคงมีดาวเทียมไทยคม 4 และดาวเทียมไทยคม 6 สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องตลอดอายุสัญญาสัมปทาน และเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงกระทรวงดีอีเอสก็สามารถนำดาวเทียมทั้ง 2 ดวงไปบริหารจัดการต่อไปซึ่งเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาสัมปทานแล้ว
บริษัทจึงมีความเห็นว่า บริษัทได้ดำเนินการครบถ้วนแล้วโดยรัฐไม่เสียประโยชน์แต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทได้นำดาวเทียมขึ้นให้บริการและโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่กระทรวงแล้วครบถ้วนตั้งแต่จัดส่งดาวเทียมและยังได้ชำระค่าส่วนแบ่งรายได้ของดาวเทียมทั้ง 6 ดวงรวมกันจนถึงปัจจุบันเป็นเงิน 13,792.23 ล้านบาท ขณะที่จำนวนขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในสัญญาคือ 1,415 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีส่วนสำคัญในการเสาะแสวงหาวงโคจรให้แก่ประเทศและช่วยดำเนินการรักษาวงโคจรดาวเทียมไม่ให้ประเทศไทยต้องเสียสิทธิตลอดมา และรัฐยังได้รับการส่งมอบดาวเทียมบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่เป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกอันถือเป็นชื่อเสียงของประเทศและเป็นประโยชน์ต่อบริการสาธารณะ และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย
บริษัทขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาในสัมปทาน บริษัทมีการดำเนินการที่เปิดเผยโปร่งใสต่อเจ้าหน้าที่รัฐมาโดยตลอดผ่านกระบวนการเห็นชอบและอนุมัติดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในสัญญา และความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐในการนำส่งรายได้ตามสัญญา จัดฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐตรวจสอบเอกสาร ตรวจสอบทรัพย์สินอย่างต่อเนื่องมาทุกปี บริษัทเชื่อมั่นว่า บริษัทได้ดำเนินการเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาโดยครบถ้วนถูกต้อง