ไทยคม รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 รายได้รวม 918 ล้านบาท ลดลง 23% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยจากการยุติการให้บริการดาวเทียมไทยคม 5 แต่โดยภาพรวมมีกำไร 77 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าขาดทุน 113 ล้านบาท เป็นผลจากการลดลงของค่าเสื่อมราคาของดาวเทียม จากการปลดระวางดาวเทียมไทยคม 5 รวมทั้งการด้อยค่าของดาวเทียมดวงอื่นๆ ในปี 2562 ประกอบกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2/2563 ในไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น 5% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ของธุรกิจการให้บริการดาวเทียมแบบทั่วไป โดยในส่วนของผลกำไรสุทธิเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 498 ล้านบาท ผลกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาสนี้ปรับตัวลดลง สาเหตุหลักเนื่องมาจากมีการรับรู้รายการพิเศษจากเงินชดเชยในไตรมาสที่ 2/2563
อัตราการใช้บริการของลูกค้าของดาวเทียมแบบทั่วไป คือ ดาวเทียมไทยคม 6 ไทยคม 7 และไทยคม 8 ณ สิ้นไตรมาส 3/2563 มีอัตราการใช้บริการของลูกค้าเมื่อเทียบกับความสามารถในการให้บริการของดาวเทียม อยู่ที่ระดับ 65% เพิ่มขึ้นจาก 63% ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2563 เนื่องมาจากการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าต่างประเทศ และสำหรับการให้บริการดาวเทียมบรอดแบนด์ไทยคม 4 มีอัตราการใช้บริการของลูกค้าเมื่อเทียบกับความสามารถในการให้บริการของดาวเทียม อยู่ที่ระดับคงที่ 19% เมื่อเปรียบเทียบ ณ สิ้นไตรมาส 2/2563
ในส่วนของกลุ่มบริษัทในเครือ บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (แอลทีซี) และ บริษัท ทีพลัสดิจิทัล จำกัด (ทีพลัส) ในประเทศลาว รายงานจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ไม่รวม fixed wireless) ในระบบรวมทั้งสิ้น 1.59 ล้านราย ซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอันดับหนึ่งในประเทศลาว คิดเป็นประมาณ 62.4% ของตลาดรวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 60.9%