Gojek พร้อมลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่อง เชื่อการเป็นซูเปอร์แอปที่ให้บริการเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาให้คนไทย จะช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ ก่อให้เกิด Social Impact แก่สังคมในระยาว พร้อมเพิ่มฟีเจอร์
อันเดร โซลิสต์โย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม Gojek ให้ข้อมูลว่า ในช่วงที่ Get เริ่มให้บริการในประเทศไทย และกลายเป็นแอปพลิเคชันส่งอาหารที่เติบโตรวดเร็วที่สุด ทำให้เห็นถึงโอกาสในการขยายบริการในประเทศไทยให้ครอบคลุมมากขึ้น
“Gojek ยืนยันว่า จะมีการลงทุนต่อเนื่องในประเทศไทย ทั้งในแง่ของเงินลงทุน และการนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุน ร่วมกับทีมงานผู้บริหารไทยที่มีความเชี่ยวชาญ และเข้าใจตลาดประเทศไทยเป็นอย่างดี”
โดยการเปิดให้บริการ Gojek ในประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่ 4 ในภูมิภาคอาเซียน ต่อจากอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันให้บริการครอบคลุม 215 เมือง มีจำนวนผู้ดาวน์โหดลแอปพลิเคชันมากกว่า 170 ล้านครั้ง
ภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ Gojek ประเทศไทย กล่าวว่า ความตั้งใจของ Gojek ในการให้บริการซูเปอร์แอปในประเทศไทย คือการเป็นแอปที่เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน
ผ่าน 3 บริการหลักอย่าง GoFood บริการสั่งอาหาร GoRide บริการเรียกรถวินมอเตอร์ไซค์ และ GoSend ที่เป็นบริการส่งของ รวมถึง GoPay ที่เป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้สามารถใช้ชำระค่าบริการต่างๆ ได้
“Gojek ภูมิใจว่าทุกธุรกิจที่ให้บริการนั้นมีการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่พาร์ตเนอร์ผู้ขับ ซึ่งการให้บริการของ Gojek ที่ใหญ่ขึ้น ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น จะทำให้เกิดผลลัพธ์ทางสังคมได้”
โดยทาง Gojek คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน ในการทำให้คนรู้จัก Gojek และหันมาใช้งานเร็วขึ้น โดยปัจจุบันมีผู้บริโภคชาวไทยดาวน์โหลดมาใช้งานแล้วหลักแสนราย จากเดิมในการให้บริการ Get มียอดดาวน์โหลดไปทั้งหมด 3 ล้านกว่าครั้ง
ส่วนเป้าหมายของการทำธุรกิจ Gojek ตั้งเป้าที่จะเติบโตขึ้น 10 เท่า ในทุกๆ ภาคส่วนตั้งแต่จำนวนผู้ใช้งาน จำนวนผู้ขับ จำนวนร้านอาหาร ซึ่งถือเป็นเป้าหมายระยะยาวที่วางไว้ เพื่อนำมาให้บริการแก่ชาวไทย
ทั้งนี้ ในการปรับมาใช้งานแอปพลิเคชันใหม่อย่าง ‘Gojek’ ได้ทำการสำรวจความต้องการของผู้บริโภค พบว่า ลูกค้าต้องการความเร็ว สะดวก ใช้งานง่าย และมีโปรโมชัน รวมถึงเป็นแอปพลิเคชันที่มีความหลากหลาย
ดังนั้น ในการอัปเกรดแอปพลิเคชัน ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ที่น่าสนใจเพื่อตอบสนองประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ที่ดียิ่งขึ้น ตั้งแต่ผู้ใช้งานที่สั่งอาหาร ที่เพิ่มรูปแบบการสื่อสารกับเพื่อนๆ ได้ผ่านระบบแชต ให้สามารถคุยกับเพื่อนที่จะสั่งอาหารร่วมกันได้ทันที รวมถึงแชร์ร้านอาหารที่ชื่นชอบให้เพื่อนได้
ขณะเดียวกัน Gojek สำรวจพบว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ผู้ใช้งานในเมืองกว่า 55% เข้าถึงบริการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน ในขณะที่กว่า 75% ยังนิยมการไปซื้ออาหารที่ร้านค้า
ทำให้ทาง Gojek พัฒนาบริการใหม่ที่เรียกว่า gofood pickup ขึ้นมา ให้ผู้ใช้สามารถสั่งอาหารกับร้านอาหารล่วงหน้า และเดินทางไปรับอาหารที่ร้านค้าได้โดยไม่ต้องรอคิว ในช่วงแรกเริ่มให้บริการแล้วกับร้านค้า 500 แห่ง และมีแผนขยายต่อไปในอนาคต
สุดท้ายคือ เรื่องของราคา ที่ทางผู้บริหาร Gojek ระบุว่า ปัจจุบันให้บริการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันที่มีราคาถูกมากๆ พร้อมกับแคมเปญมอบส่วนลดในการเปลี่ยนมาใช้แอป GoJek ที่แจกคูปองส่วนลดให้ลูกค้าทุกคนรวมมูลค่า 2,500 บาท
