Apple เพิ่มความสามารถ Apple Watch 6 รองรับการวัดออกซิเจนในเลือด พร้อมออกรุ่นเล็ก Apple Watch SE ช่วยขยายฐานผู้ใช้งานให้กว้างขึ้น โดย Apple Watch 6 วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 13,400 บาท ส่วน Watch SE เริ่มต้น 9,400 บาท
ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล ระบุว่า Apple Watch ได้เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานนาฬิกาของผู้คน แต่เดิมนาฬิกาจะทำหน้าที่บอกเวลาเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบัน Apple Watch สามารถเป็นได้มากกว่านั้น พร้อมยกตัวอย่างการใช้ชีวิตร่วมกับ Apple Watch
ตั้งแต่เมื่อตื่นนอนขึ้นมา ดูพยากรณ์อากาศ รับการแจ้งเตือนข้อมูลต่างๆ ทั้งตารางนัดหมาย ข้อความ กระตุ้นให้เกิดการออกกำลังกาย และบันทึกข้อมูลสุขภาพ จนถึงใช้ในการสั่งงานอุปกรณ์ IoT ภายในบ้าน และสั่งเล่นเพลงจาก Apple Music เป็นต้น
“ปัจจุบัน Apple Watch เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คน และผู้ใช้งานบางรายได้ประโยชน์จากการแจ้งเตือนของ Apple Watch เพื่อช่วยรักษาชีวิต เพราะสามารถไปพบแพทย์ได้ทันจากการแจ้งเตือนทางด้านสุขภาพของ Apple Watch”
ขณะเดียวกัน ยังได้แนะนำความสามารถใหม่ของ watchOS 7 ที่นอกจากการเข้ามาช่วยตรวจจับการพักผ่อน และเตือนให้ล้างมือที่แนะนำไปตั้งแต่งาน WWDC 2020 แล้ว ยังสามารถใช้การตรวจจับการเคลื่อนไหว และอัตราการเต้นของหัวใจ มาช่วยคำนวณค่าการใช้ออกซิเจนของร่างกายด้วย (Vo2Max)
พร้อมกันนี้ ได้เปิดตัว Apple Watch Series 6 ที่มากับสีใหม่น้ำเงิน และแดง ซึ่งเพิ่มความสามารถในการตรวจวัดออกซิเจนในเลือดได้ (Blood Oxygen) เพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลสุขภาพได้ครอบคลุมมากขึ้น
ภายในของ Apple Watch 6 นำหน่วยประมวลผล Apple A13 Bionic มาปรับแต่งให้เหมาะสมกับการใช้งานบน Apple Watch ในชื่อ Apple S6 ทำให้สามารถประมวลผลได้เร็วขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และยังเพิ่มเซ็นเซอร์วัดระดับความสูงมาให้ใช้งานด้วย
ปรับปรุงหน้าจอแสดงผล Apple Watch ให้หลากหลายมากขึ้น และพัฒนาชุดเขียนโปรแกรมให้นักพัฒนาสามารถดึงข้อมูลต่างๆ มาปรับแต่งหน้าจอแสดงผล และเปิดให้ผู้ที่สนใจดาวน์โหลดไปใช้งานได้ รวมถึงเปิดตัวสายนาฬิการุ่นใหม่ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มไลน์สินค้าอย่าง Apple Watch SE ที่เป็นรุ่นเล็กออกมา ทำงานบนหน่วยประมวลผล Apple S5 มีฟีเจอร์หลักๆ ในการใช้งานไม่แตกต่างจาก Apple Watch 5 โดยเฉพาะการวัดการออกกำลังกาย และระบบแจ้งเตือนการล้มสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น
โดย Apple Watch 6 วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 13,400 บาท สำหรับรุ่น GPS และ 16,900 บาท สำหรับรุ่น Cellular ส่วน Apple Watch SE วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 9,400 บาท และ 10,900 บาท สำหรับ GPS และ Cellular ตามลำดับ
นอกเหนือจากฮาร์ดแวร์แล้ว Apple ยังเพิ่มบริการเพื่อสุขภาพใหม่อย่าง Apple Fitness+ ที่จะมาช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้งานออกำลังกายและเข้าคอร์สออกกำลังกายต่างๆ ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละราย
โดยจะเริ่มให้บริการในออสเตรเลีย แคนาดา ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกาก่อน และทยอยเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วโลกได้ใช้ในปลายปีนี้ในราคา 9.99 เหรียญต่อเดือน หรือ 79.99 เหรียญต่อปี
ขณะเดียวกัน ได้เพิ่มการรวมบริการ Apple One ที่จะรวมบริการบอกรับสมาชิกทั้ง iCloud, Apple Music, Apple TV+, Apple Arcade, Apple News+ และ Apple Fitness+ เข้าด้วยกันในราคาเริ่มต้นเดือนละ 225 บาท
ทั้งนี้ ในประเทศไทยจะยังไม่มี Apple One แบบ Premium ให้บริการในช่วงแรก เนื่องจาก Apple News+ และ Apple Fitness+ ยังไม่เปิดให้บริการ ทำให้มีเฉพาะการรวมบริการอย่าง Apple Music, TV+ , Arcade และ iCloud เริ่มต้นที่ 50GB สำหรับบุคคล และ 200GB สำหรับครอบครัว