ถือเป็นการระดมทุนด้านเฮลท์เทคที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "ไบโอโฟร์มิส" (Biofourmis) มั่นใจการระดมทุนครั้งใหม่จะช่วยเร่งการขยายธุรกิจในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาแบบดิจิทัล (digital theraperutics) สำหรับโรคหัวใจ ระบบทางเดินหายใจ มะเร็งวิทยา และความเจ็บปวด ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการแนวทางการดูแลรักษาใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสหรัฐอเมริกา
Kuldeep Singh Rajput ประธานกรรมการบริหารของ Biofourmis กล่าวว่า COVID-19 กำลังผลักดันการสังเกตอาการจากระยะไกลและการรักษาแบบดิจิทัล (digital therapeutics) ไปสู่ระดับแนวหน้าของการแพทย์ โดยเงินลงทุนกว่า 3 พันล้านบาทจากรอบ Series C จะถูกใช้เพื่อเร่งขยายธุรกิจไปทั่วโลก ในการพัฒนา “home hospital” พร้อมจัดระบบสุขภาพ และการร่วมมือกับบริษัทยาพัฒนา digital therapeutics
“วิสัยทัศน์ของเราคือการใช้การรักษาแบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ป่วย แพทย์ และนักวิจัยทุกที่ โดยให้บริการซอฟต์แวร์เพื่อการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีความต้องการทางการแพทย์ที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังจากการรักษาระยะเฉียบพลัน ไปจนถึงการรักษาด้วยยาที่เหมาะสมที่สุดด้วยการระดมทุนครั้งใหม่นี้เราจะเร่งการขยายตัวไปทั่วโลก พัฒนาระบบการรักษาแบบดิจิทัลของเรา พัฒนาแนวทางการดูแลเพิ่มเติม และผลักดันการบูรณาการที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับระบบสาธารณสุข โรงพยาบาล ยา และลูกค้าและพันธมิตรเพื่อการวิจัยทางการแพทย์”
ผู้ลงทุนรายใหญ่ในรอบ Series C ของ Biofourmis คือ ซอฟต์แบงก์ หรือ SoftBank Vision Fund 2 ซึ่งมีผู้ลงทุนเจ้าเก่าอย่าง Openspace Ventures, MassMutual Ventures, Sequoia Capital และ EDBI โดยย้อนไปในเดือนพฤษภาคม 2562 ดาวรุ่งอย่าง Biofourmis ปิดการระดมทุน Series B ไปด้วยยอด 35 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมากผ่านการสร้างพันธมิตรใหม่ และการเติบโตพร้อมกับบริษัทยา 7 แห่ง และระบบสาธารณสุข 10 แห่งทั่วโลก
Biofourmis ยังได้เข้าซื้อกิจการที่สำคัญ หนึ่งในนั้นคือ Biovotion ซึ่งเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์ biosensor ที่สวมใส่ได้ และบริษัท Gaido Healthของ Takeda Pharmaceuticals ที่มุ่งเน้นด้านเนื้องอกวิทยา
สำหรับการระดมทุนรอบนี้ Biofourmis จะใช้เงินทุนในการพัฒนา ตรวจสอบ และวางจำหน่ายโซลูชันการรักษาแบบดิจิทัลที่เปิดตัวแล้ว และการรรักษาที่ยังไม่ได้เผยแพร่หลายตัว ในด้านโรคหัวใจ ระบบทางเดินหายใจ มะเร็งวิทยา และความเจ็บปวด โดยมุ่งเน้นไปที่สหรัฐอเมริกา และตลาดสำคัญในเอเชียรวมถึงเอเชียแปซิฟิก จีน และญี่ปุ่น
“เราเชื่อว่า Biofourmis เป็นผู้นำในการใช้โซลูชัน AI และแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อพัฒนาการรักษาแบบดิจิทัล” คุณ Greg Moon หุ้นส่วนผู้จัดการ และที่ปรึกษาการลงทุนของ SoftBank กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Biofourmis และสนับสนุนภารกิจของพวกเขาในการใช้ AI และข้อมูลจากอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้เพื่อสับสนุนการดูแลส่วนบุคคลได้”
นอกจากระดมทุน Series C บริษัท Biofourmis จะปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ออกเป็น 2 แผนกหลัก คือ Biofourmis Therapeutics ที่จะมุ่งเน้นไปที่การบุกเบิกการรักษาประเภทใหม่ทั้งหมด โดยการพัฒนาวิธีการรักษาโดยใช้ซอฟต์แวร์ที่ผ่านการรับรองทางการแพทย์ เพื่อรักษาและจัดการผู้ป่วยที่มีความต้องการทางการแพทย์ที่ไม่ได้รับการดูแลที่ครอบคลุม การบำบัดแบบดิจิทัลเหล่านี้สามารถดำเนินการได้อย่างอิสระหรือร่วมกับเภสัชบำบัด ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยา ลดต้นทุน และส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ด้วยโมเดล "นอกเหนือจากยา" ของ Biofourmis Therapeutics บริษัทยาต่างๆ จึงกำหนดให้โซลูชันการรักษาแบบดิจิทัลของบริษัทเป็นวิธีการรักษาร่วมกับยาที่มีมูลค่าสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และจัดการและรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น
อีกแผนกคือ Biofourmis Health ที่จะเน้นรูปแบบการดูแลแบบ virtual เพื่อจัดการผู้ป่วยจากระยะไกลเมื่อพวกเขาเปลี่ยนจากการดูแลอาการระยะเฉียบพลันไปสู่การดูแลหลังระยะเฉียบพลัน แพลตฟอร์ม Biovitals ที่ใช้ AI ของบริษัทมีขั้นตอนการดูแลเฉพาะบุคคล เพื่อจัดการผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคทางเดินหายใจ และโรคมะเร็ง โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับคีโม/รังสีบำบัดหรือการรักษาด้วย CAR-T
โครงการริเริ่ม “home hospital” หรือ "โรงพยาบาลที่บ้าน" ของ Biofourmis Health ใช้ประโยชน์จากการสังเกตอาการทางไกลที่ใช้ AI ของบริษัท เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพผ่านการลดระยะเวลาการเข้าพักที่โรงพยาบาล การเข้ารับการรักษาซ้ำ และการเข้ารับการรักษาที่แผนกฉุกเฉิน รวมถึงมาตรการอื่นๆ และเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วยโดยให้แพทย์สามารถสังเกตอาการของผู้ป่วยจากระยะไกล และเข้ารักษาล่วงหน้าได้ถึง 21 ชั่วโมงก่อนที่จะเกิดวิกฤตทางการแพทย์
ผู้บริหาร Biofourmis ย้ำว่าในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา การดูแลสุขภาพได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วกว่าปกติไปอย่างน้อย 5 ปี เบื้องต้น คาดหวังว่าการระดมทุนรอบล่าสุดจะช่วยเร่งแผนของ Biofourmis ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพลูกค้า ลูกค้าด้านยา และแผนสุขภาพทั่วโลกมากขึ้น