ดีป้า เอ็มโอยู สถ.ผลักดันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมืองตอบโจทย์ประชาชนในพื้นที่ พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมพัฒนา เพื่อให้เกิดเมืองน่าอยู่อัจฉริยะอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า การพัฒนาเมืองอัจฉริยะประเทศไทยให้สำเร็จได้เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ภาคเอกชนและภาคประชาชน ดังนั้นดีป้าจึงได้ลงนามความร่วมมือกับ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ในการขับเคลื่อนและพัฒนาเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ (Smart City) เพื่อผลักดันแผนแม่บทการพัฒนาเมืองอัจฉริยะประเทศไทยของคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
ทั้งนี้ เพื่อให้ โครงการเมืองอัจฉริยะ สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในแนวทางและความสำคัญ ผ่านการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนเพื่อสนองตอบความต้องการและบริบทที่หลากหลายของพื้นที่เป้าหมาย อีกทั้งเป็นการกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น โดยเริ่มจากการสร้างวิสัยทัศน์ให้ผู้นำเมือง การจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการให้บริการอย่างพอเพียงต่อการเสริมสร้างศักยภาพของเมือง มีระบบบริหารจัดการข้อมูลเพื่อการวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างแหล่งงานและเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ดีป้ามีหน้าที่ในการรับสมัครเมืองที่สนใจขอรับพิจารณาเป็นเมืองอัจฉริยะผ่านเว็บไซต์ www.smartcitythailand.or.th ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่ยื่นข้อเสนอเพื่อขอรับการพิจารณาเป็นเมืองอัจฉริยะแล้ว 39 พื้นที่มีข้อเสนอจากเทศบาลนครจำนวน 7 พื้นที่ เทศบาลเมืองจำนวน 4 พื้นที่ และเทศบาลตำบล 1 พื้นที่ รวม 12 พื้นที่เทศบาล และคาดว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะขยายจำนวนพื้นที่เขตเทศบาลในการเข้ารับการพิจารณาเป็นเมืองอัจฉริยะเพิ่มขึ้น
ด้าน นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กล่าวว่า ทางกรมฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ ดีป้า ในการขับเคลื่อนและพัฒนาเมืองน่าอยู่อัจฉริยะตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่มุ่งเน้นการพัฒนาเมืองให้น่าอยู่ มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเมืองอย่างยั่งยืน
สำหรับระยะเริ่มต้น จะมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำร่องและเป็นต้นแบบการขยายผลการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิดขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 12 แห่ง ประกอบด้วย เทศบาลนครยะลา เทศบาลนครเชียงราย เทศบาลเมืองน่าน เทศบาลเมืองชุมพร เทศบาลนครเกาะสมุย เทศบาลนครหาดใหญ่ เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เทศบาลนครนครสวรรค์ เทศบาลนครเชียงใหม่ เทศบาลเมืองสตูล เทศบาลเมืองแสนสุข และเทศบาลตำบลบ้านฉาง ซึ่งตั้งเป้านำระบบออนไลน์และเทคโนโลยีดิจิทัลมาแก้ไขปัญหาของเมือง ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจราจรและความปลอดภัย คุณภาพชีวิต สาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค
“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้เห็นความสำคัญของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เป็นแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตปกติใหม่ (นิวนอร์มอล) เช่น การนำระบบออนไลน์มาใช้ในการทำงาน (Work from home) และการให้บริการประชาชน เพื่อลดความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง โดยในโอกาสนี้ ขอเชิญชวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมนำแนวทางการพัฒนาเมืองน่าอยู่อัจฉริยะมาจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนและการบริหารจัดการเมือง เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุขอย่างยั่งยืนต่อไป” นายประยูร กล่าว