xs
xsm
sm
md
lg

Siemens จับ 2 เทรนด์ใหญ่เมือง-อุตสาหกรรมอัจฉริยะ ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจหลังโควิด-19

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ซีเมนส์ มอง 2 เทรนด์ใหญ่ที่จะเกิดขึ้นหลังยุคของโควิด-19 ในเรื่องการเติบโตของมหานคร และ ดิจิทัลไลเซชัน ซึ่งจะสร้างผลกระทบต่อภาคธุรกิจให้มีการปรับตัวรับกับอนาคตที่เปลี่ยนไป ระบุ New Normal ในภาคอุตสาหกรรมยังมาไม่ถึงเพราะปัจจุบันอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน

สุวรรณี สิงห์ฤาเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและซีอีโอ ซีเมนส์ อินดัสเทรียล กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งในส่วนของผู้บริโภค และภาคธุรกิจต่างๆ ที่เร่งให้เกิดการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าของซีเมนส์ฯ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้น

“ในภาพรวมของธุรกิจโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กันทั้งหมด เพียงแต่ว่าในแต่ละกลุ่มก็จะได้รับผลกระทบที่มากน้อยต่างกันไป ทำให้มองว่าทิศทางของธุรกิจในปีนี้อาจจะต้องมีการประเมินกันอีกครั้ง หลังจากอุตสาหกรรมต่างๆ กลับมาเดินหน้าทำธุรกิจกันเต็มที่”

อย่างไรก็ตาม ซีเมนส์ฯ เชื่อว่าทุกธุรกิจต่างตั้งเป้าหมายรักษาการเติบโตในปีนี้อย่างน้อยให้ได้เท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นทิศทางที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ถ้าสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติเร็ว รวมถึงการปรับตัวนำดิจิทัลมาใช้ของแต่ละภาคอุตสาหกรรมด้วย

ทั้งนี้ ผู้บริหารซีเมนส์ฯ ระบุว่า อุตสาหกรรมไทยยังอยู่ในช่วงของการปรับตัว (Transition) ยังไม่เข้าสู่ช่วงของ New Normal โดยคาดว่าจากที่หลายๆ สำนักวิจัย ประเมินว่า GDP ของไทยจะกลับเติบโตปกติในช่วงปลายปี 2021 ถึงเวลานั้นจะเห็นภาพที่ชัดเจนของ New Normal มากขึ้น

“ในแนวโน้มการลงทุนของปีนี้ หลายภาคส่วนยังไม่หยุดการลงทุน โดยเฉพาะภาครัฐที่ต้องมีการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนต่อเนื่อง เช่นเดียวกับโปรเจกต์ใหญ่ๆ ในภาคเอกชนที่ยังต้องเดินหน้าต่อ เพื่อที่จะสามารถคว้าการเติบโตได้เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ”

ขณะเดียวกัน ยังมองถึงเทรนด์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ คือการเติบโตของมหานคร (Urbanization) ทำให้มีแนวโน้มการลงทุนอาคารอัจฉริยะ เพื่อทำให้กลายเป็นอาคารพูดได้ เพื่อเข้ามาอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต โดยทางซีเมนส์ฯ มีทั้งโซลูชัน และเครื่องมือที่จะเข้าไปช่วยองค์กรธุรกิจตั้งแต่การวางแผนออกแบบ ก่อสร้าง วางระบบต่างๆ

ในยุคของโควิด-19 ทำให้แต่ละองค์กรธุรกิจต้องมีการปรับตัว อย่างการจำกัดปริมาณพนักงานที่เข้ามาทำงานไม่ให้แออัดเกินไป การมีเทคโนโลยีอย่าง Smart Building จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนในการบริหารอาคารลง และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด

พร้อมยังมองภาพไปถึงในอนาคต ที่อาคารสามารถผลิตพลังงานด้วยพลังงานทดแทน ทำให้กลายเป็น Prosumer ที่เป็นทั้งผู้ผลิต และผู้ใช้ไฟฟ้า เมื่อผลิตได้เกินก็สามารถขายกลับไปยังโรงงานผลิตไฟฟ้าได้ด้วย

อีกเทรนด์คือการทำ Digitalization ที่โควิด-19 เข้ามาเร่งกระบวนการให้เกิดเร็วขึ้น ดังนั้นภาคอุตสาหกรรมจึงจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างเร่งด่วนในการลงทุนเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ยังพึ่งพาแรงงานคนเป็นหลัก

ที่ผ่านมาภาครัฐได้เข้ามาสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0 อย่างชัดเจนมากขึ้น อย่างล่าสุดที่ซีเมนส์ฯ เข้าไปเซ็นเอ็มโอยูกับทางสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ในการยกระดับการแข่งขันอุตสาหกรรมไทย ด้วยการนำระบบเก็บข้อมูลการใช้พลังงานเพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป


ทั้งนี้ บริการของซีเมนส์ อินดัสเทรียล ในประเทศไทย ทำตลาดครอบคลุมใน 3 ธุรกิจหลัก คือ 1.สมาร์ทอินฟราสตรัคเจอร์ (Smart Infrastructure) ที่เข้าไปให้บริการเทคโนโลยีแก่บริการสาธารณูปโภคต่างๆ โดยเฉพาะระบบเชื่อมต่อพลังงานไฟฟ้ากับอาคาร และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อต่อยอดไปยังการให้บริการตึกอัจฉริยะ (Smart Building)

2.ธุรกิจดิจิทัล อินดัสทรี (Digital Industries) ในการนำนวัตกรรมเข้าไปใช้งานในภาคอุตสาหกรรมในลักษณะของดิจิทัลเอ็นเตอร์ไพรส์ ให้ทรานฟอร์มธุรกิจสู่อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0)

3.ธุรกิจลาร์ไดรฟ์แอปพลิเคชัน (Large Drives Applications) ในการออกแบบและผลิตระบบขับเคลื่อนทางไฟฟ้า เพื่อบริหารจัดการใช้งานในอุตสาหกรรม ครอบคลุมอุตสาหกรรมก๊าซและน้ำมัน อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมพลังงานต่างๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น