“พุทธิพงษ์” เคลียร์ ท่อร้อยสาย กทม.-ทีโอที จบยกแรก เปิดทางทีโอทีทำท่อร้อยสายได้ในพื้นที่ที่พร้อม นำร่อง 12 เส้นทาง เสร็จภายใน 3 เดือน ส่วนพื้นที่ที่เหลือรอการสำรวจต่อไป ด้าน กทม.ย้ำ ทีโอทีทำได้เฉพาะพื้นที่ที่ไม่ต้องขุดถนนเพิ่ม พร้อมเดินหน้าทำท่อร้อยสาย เหตุได้ผู้รับเหมาทำโครงการแล้ว เตรียมเสนอบอร์ดดีอีขอเงินกองทุน USO สนับสนุนค่าเช่า 50% ช่วยโอเปอเรเตอร์แบ่งเบาภาระ แต่กทม.ต้องตั้งงบประมาณในการสนับสนุนท่อของตนเองด้วย
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า การหารือ เรื่องการนำสายสื่อสารลงใต้ดินพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในเส้นทางที่การไฟฟ้านครหลวงไม่มีการรื้อถอนเสาไฟฟ้า และไม่มีสภาพบังคับ ระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) , กรุงเทพมหานคร และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช.) ได้ข้อสรุปว่า ให้ทีโอที ดำเนินการในพื้นที่ที่ทีโอที พร้อมให้บริการได้ทันที คือ 12 เส้นทาง จำนวน 48.7 กิโลเมตร ตาม ที่ ทีโอทีเสนอว่าพร้อมดำเนินการได้ภายใน 3 เดือน โดยไม่ต้องทำไรเซอร์ หรือ จุดเชื่อมต่อจากท่อใต้ดินสู่ริมฟุตบาท เพื่อเข้าไปยังบ้านเรือนประชาชน
ทั้งนี้คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) มีมติให้ทีโอทีดำเนินการได้ หากพิสูจน์ได้ว่ามีท่อร้อยสายพร้อมใช้งาน ส่วนกรุงเทพมหานครเองก็มีแผนต้องทำท่อร้อยสายเพื่อวางสายสัญญาณเกี่ยวกับความมั่นคง เช่น สายกล้องวงจรปิด สายแจ้งเตือนภัยต่างๆ เป็นต้น แต่พื้นที่ไหน ที่ทีโอทีต้องขุดใหม่ กรุงเทพมหานคร ไม่อนุญาตให้ทีโอทีขุดเพิ่ม เว้นแต่พื้นที่ขุดทำไรเซอร์ ก็สามารถทำเรื่องขอกรุงเทพมหานคร ขุดเป็นพื้นที่ๆไป ดังนั้นทั้ง กรุงเทพมหานครและ ทีโอที ให้ต่างคนต่างดำเนินการ ขึ้นอยู่กับเอกชนว่าจะใช้บริการของใคร ส่วนเส้นทางที่เหลือทีโอทีต้องสำรวจก่อนว่าสามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องขุดท่อใหม่หรือไม่ เพราะหากต้องขุดท่อใหม่กรุงเทพมหานคร จะไม่อนุญาตให้ทำ
ด้าน พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครจำเป็นต้องเดินหน้าตามมติบอร์ดดีอีและมติครม.ซึ่งมติครม.ให้ดำเนินการให้เสร็จภายใน 2 ปี แต่ กรุงเทพมหานครก็ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้เป็นเวลา 8-9 เดือน ซึ่งกรุงเทพมหานครก็เร่งดำเนินการอยู่และได้ว่าจ้างบริษัทผู้รับเหมาขุดท่อร้อยสายเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งได้ดำเนินการโครงการนำร่องไปแล้ว 7 กิโลเมตร เพราะกรุงเทพมหานครเองก็มีแผนในการนำสายเกี่ยวกับความมั่นคงลงใต้ดิน อยู่แล้ว ก็ต้องเดินหน้า และ กรุงเทพมหานคร ก็ไม่ได้บังคับให้เอกชนต้องมาใช้งานของกรุงเทพมหานครเพียงแต่ต้องการผู้เช่าระยะยาว 30 ปี เพราะด้วยเทคโนโลยีใหม่ สามารถหาผู้เช่าระยะยาวได้ เพราะไม่ต้องซ่อมบำรุงบ่อยๆ ดังนั้นพื้นที่ไหนที่ต้องขุดพื้นถนน กรุงเทพมหานครจะไม่อนุญาตให้ขุด และ ปฏิเสธที่จะเดินทางไปดูจุดให้บริการท่อร้อยสายนำร่องที่ทีโอทีจะพาไปสำรวจเพราะเป็นพื้นที่ที่มีหลายโครงการอยู่ในพื้นที่ หากเดินทางไปดูอาจจะมีปัญหาภายหลังได้
ขณะที่นายมรกต เธียรมนตรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานพัฒนาองค์กร และรักษาการแทนรองกรรมการผู้จัดการใหญ่สำนักสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทีโอที ได้ทำแผนที่ดิจิทัล เพื่อระบุถึงพื้นที่ที่ทีโอทีมีท่อร้อยสายอยู่ในกทม. จำนวน 2,500 กิโลเมตร ให้กับ กรุงเทพมหานครสามารถเข้ามาดูได้ตลอดเวลาแล้ว โดยภายในสัปดาห์หน้าทีโอทีสามารถดำเนินการได้ทันที 12 เส้นทาง จำนวน 48.7 กิโลเมตร ซึ่งสถานที่นำร่องที่ทีโอทีสามารถดำเนินการได้ทันทีนั้น ล้วนเป็นสถานที่ที่ไม่ต้องขุดไรเซอร์ หรือ จุดเชื่อมต่อสายจากใต้ดินขึ้นมาสู่พื้นดินตรงหน้าริมฟุตบาทสำหรับเชื่อมไปยังอาคารบ้านเรือนผู้ใช้งาน เนื่องจากทีโอทีมีอยู่แล้ว ซึ่งใน 1 ซับดัก สามารถนำสายสื่อสารร้อยลงไปได้ 2-3 เส้น
ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. กล่าวว่า ในส่วนของเงินสนับสนุนค่าเช่าท่อร้อยสายนั้นจะมีการนำเสนอบอร์ดดีอีเพื่อนำเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กองทุน USO มาสนับสนุน 50 % เพื่อแบ่งเบาภาระให้เอกชนที่ต้องนำสายที่เคยพาดบนเสาไฟฟ้าลงใต้ดิน แต่จะไม่ช่วยค่าเช่าสำหรับสายโทรคมนาคมเส้นใหม่ เช่น สาย 5G เพราะเป็นต้นทุนที่เอกชนต้องคำนวณไว้อยู่แล้วตอนประมูลคลื่น ขณะที่กรุงเทพมหานครเองก็ต้องตั้งงบประมาณในการช่วยเหลือเงินค่าเช่ามาด้วยเพราะกรุงเทพมหานครเองก็สามารถเบิกงบประมาณมาได้ ดังนั้นกสทช.จะสนับสนุนเงินให้กรุงเทพมหานครไม่เต็ม 50% ส่วนจะเป็นสัดส่วนเท่าไหร่นั้นต้องหารือกันอีกครั้ง