สมาคมโทรคมนาคมฯยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือกสทช.ลดภาระค่าใช้จ่ายช่วงโควิด-19 ด้านเลขาธิการกสทช.เตรียมเสนอบอร์ดพิจารณา แจงต้องทำบนพื้นฐานไม่กระทบสภาพคล่องขององค์กรกสทช.ด้วย เหตุมีค่าใช้จ่ายต้องดำเนินการ
นายมนต์ชัย หนูสง นายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สทค.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2563 สมาคมฯได้ยื่นหนังสือถึงนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามที่ กสทช.ได้ชะลอการชำระค่าธรรมเนียมรายปีในส่วนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมออกไปจนถึงวันที่ 15 ส.ค. 2563 นั้น เป็นการช่วยเหลือชั่วคราว
แต่ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากผู้ประกอบการต่างประสบปัญหาความเดือดร้อนจากปัญหาอื่น อาทิ ปัญหาหนี้เสีย ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และรายได้ลดลง เนื่องจากประชาชน ธุรกิจห้างร้าน ผู้ใช้บริการโทรคมนาคมต่างขาดรายได้และกำลังซื้อ จึงขอเลื่อนชำระ ,ขอค้างชำระค่าบริการ ,ขอใช้งานฟรี หรือยกยกเลิกบริการ และไม่ซื้อบริการใหม่เพิ่มเติม
ส่วนผู้ประกอบการที่ต้องปิดร้านตามมาตรการของรัฐก็ไม่สามารถหาลูกค้าใหม่ได้ อีกทั้ง การดำเนินการเพื่อสนับสนุนภาครัฐ เช่น การให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรี โทรฟรี หรือเวิร์กฟอร์มโฮม ถึงแม้จะส่งผลให้ปริมาณทราฟิกเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ เนื่องจากค่าบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามปริมาณทราฟิก แต่ทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการดูแลรักษาโครงข่ายโทรคมนาคมให้ประชาชนที่ทำงานจากบ้าน ได้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา
นายมนต์ชัย กล่าวว่า สมาคมโทรคมนาคมฯจึงขอให้ กสทช. พิจารณาและออกมาตรการเพิ่มเติม ได้แก่ 1.พิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมที่ผู้ประกอบการต้องชำระเป็นคราวๆ ประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมเลขหมาย ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตั้งสถานีฐานวิทยุคมนาคม ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เครื่องวิทยุคมนาคม และค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2563 เป็นต้นไป
2.พิจารณาปรับลดค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระเป็นรายปี ซึ่งประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม และเงินจัดสรรรายได้เข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (ค่าธรรมเนียม USO)
และ 3.พิจารณาประสานงานการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าภูมิภาค เพื่อขอชะลอการจัดระเบียบสายสื่อสาร เพื่อไม่สร้างภาระให้ผู้ประกอบการจนเกินควร และขอให้พิจารณาปรับปรุงประกาศ กสทช. ต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจในช่วงเวลาการแพร่ระบาดของโรคติดต่อได้ ซึ่ง สมาคมโทรคมนาคมฯจะรวบรวมความเห็นจากผู้ประกอบการและนำเสนอต่อ กสทช. เพื่อพิจารณาในโอกาสต่อไป
ด้านนายฐากร กล่าวว่า มาตรการที่ สมาคมโทรคมนาคมฯเสนอให้มีการพิจารณาเพิ่มเติม จะส่งให้สำนักงาน กสทช. รวบรวมเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงานของ กสทช. ด้านโทรคมนาคม และนำเข้าสู่ที่ประชุม กสทช. เพื่อพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ตามที่ สมาคมโทรคมนาคมฯ เสนอให้มีการพิจารณาเพิ่มเติมในข้อ 1 และข้อ 2 นั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ กสทช. โดยตรง ซึ่งต้องมีการพิจารณาเรื่องรายได้ของ กสทช. ประกอบด้วย โดยต้องมีเหตุมีผลพอสมควร เพราะหากมีการพิจารณาให้ยกเว้น หรือปรับลดค่าธรรมเนียมแล้วไม่สอดคล้องกับรายจ่ายของ กสทช. อาจทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินได้ ซึ่งรายจ่ายของ กสทช. ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย รายจ่ายของสำนักงาน กสทช. ซึ่งอยู่ที่ 4,000 ล้านบาทต่อปี, เงินที่ต้องจัดสรรเข้ากองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี) และเงินที่ส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน
ส่วนข้อ 3 เกี่ยวกับการจัดระเบียบสายสื่อสาร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ผู้ประกอบการมองว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่ยากลำบากอยู่แล้ว ดังนั้น จึงต้องมีการพิจารณาเพื่อหาจุดสมดุลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและสามารถทำงานตามนโยบายของรัฐไม่ให้เสียหาย