บอร์ดกสทช.เดือด เสียงโหวตไม่ลงตัว ฟันธงเงินเยียวยาอสมทไม่ได้ เหตุ “ พ.อ.นที-นพ.ประวิทย์” ไม่ลงมติ ขณะที่ พ.อ.นที เดินออกจากห้องประชุม ต้องการให้ อสมท ทำหนังสือมาใหม่ให้ชัดเจนกว่านี้ ด้านเลขาธิการกสทช.แจง ต้องการให้เรื่องจบ อาจมีการเสนอบอร์ดกสทช.วาระพิเศษ ภายในสัปดาห์หน้า
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกสทช.ยังไม่สามารถลงมติสรุปกรอบวงเงินเยียวยาการเรียกคืนคลื่นความถี่ ทดแทน ชดใช้ และจ่ายค่าตอบแทน ในย่านความถี่คลื่น 2600 MHz ให้กับ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้ เนื่องจากเสียงกรรมการกสทช.ที่ลงมติมีเพียง 2:2 โดยพ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกสทช.ขอถอนตัวออกจากที่ประชุมเพราะไม่ต้องการลงมติเรื่องนี้ เนื่องจากหนังสือที่ตอบกลับมากำกวม ไม่ชัดเจน จึงต้องการให้ อสมท ทำหนังสือกลับมาใหม่ว่าต้องการให้ใครเป็นผู้แบ่งเงินและต้องการให้แบ่งในสัดส่วนเท่าไหร่ อย่างไร ระหว่าง อสมท กับบริษัท เพลย์เวิร์ค จำกัด ขณะที่นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกสทช.ไม่ขอลงมติ
ทั้งนี้ พล.อ.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ประธาน กสทช. และร.ศ.ประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ กรรมการ กสทช. โหวตเลือกแนวทางที่ 2 เห็นชอบอายุการถือครองคลื่นความถี่ 2600 MHz ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่ระยะเวลา 6 ปี 5 เดือน ส่วน พล.ท.พีรพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช. และ ผ.ศ.ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการ กสทช. โหวตเลือก แนวทางที่ 3 เห็นชอบอายุการถือครองคลื่นความถี่ 2600 MHz ของ อสมท ที่ระยะเวลา 8 ปี 6 เดือน
นอกจากนี้ที่ประชุมยังพิจารณาประเด็นเรื่องการกำหนดสัดส่วนค่าตอบแทนผู้ถือครองคลื่นความถี่และผู้ได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2500 – 2690 MHz ของ อสมท โดยที่ประชุม กสทช. มีมติในเรื่องมีเป็น 2 : 2 เสียง โดยพล.ท.พีรพงษ์ และ ผ.ศ.ธวัชชัย โหวตเลือก แนวทางแรก ที่ กสทช. เป็นผู้กำหนดสัดส่วนค่าตอบแทนผู้ถือครองคลื่นความถี่และผู้ได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2500 – 2690 MHz ของ อสมท เป็น 50 ต่อ 50 ส่วน พล.อ.อ.สุกิจและร.ศ.ประเสริฐ โหวตเลือกแนวทางที่ 2 เห็นควรให้ อสมท เป็นผู้กำหนดสัดส่วนค่าตอบผู้ถือครองคลื่นความถี่และผู้ได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2500 – 2690 MHz ของ อสมท เอง
นายฐากร กล่าวว่า เมื่อที่ประชุม กสทช. มีมติเป็น 2 : 2 เสียงจึงไม่เข้าระเบียบ กสทช.ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 ข้อ 41 (2) กรณีเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นอื่นนอกเหนือจากประเด็นใน (1) ต้องได้รับมติพิเศษ กล่าวคือ ได้รับความเห็นชอบจากกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด โดยปัจจุบันมี กสทช. ปฏิบัติหน้าที่รวม 6 คน เสียงกึ่งหนึ่งคือต้องมีเสียงอย่างน้อย 3 คน เมื่อมีมติเป็น 2 : 2 จึงไม่เข้าตามระเบียบข้อนี้ ประธาน กสทช. จึงไม่สามารถออกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาดได้ ที่ประชุม กสทช. จึงมีมติให้นำเรื่องดังกล่าวส่งให้อนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กสทช. พิจารณาต่อไป โดยจะผลักดันให้เข้าสู่การพิจารณาต่อที่ประชุมกสทช.วาระพิเศษ ในสัปดาห์หน้า
“วันนี้การประชุมดุเดือดมาก ผมอยากให้จบโดยเร็วก่อนที่ผมจะหมดวาระ ผมอยากให้มีการประชุมกสทช.วาระพิเศษเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว และมั่นใจว่ากรรมการกสทช.ต้องลงมติ ไม่เช่นนั้นอาจถือว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ผมไม่ต้องการให้ยื้อกันไปมา”