ปฏิเสธไม่ได้ว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของของ Covid-19 ทําให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป เนื่องจากสังคมถูกบังคับให้ต้องเปลี่ยน จากที่เคยพบปะเจอหน้ากัน ก็ถูกเปลี่ยนให้รักษาระยะห่าง หรือ social distancing การ work from home ที่หลายคนต้องทํางานอยู่ที่บ้าน, รูปแบบ lifestyle การทําธุรกิจ ถูกเปลี่ยนจาก offline มา online ทําให้ทุกคนมองหาสิ่งที่เข้ามาช่วยทําให้ใช้ชีวิต และทําทุกอย่างให้ดําเนินไปได้อย่างปกติ สะดวกสบาย และมีความสุขที่สุด
ดังนั้น โอกาสในวิกฤตินี้คือ ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย ให้ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติที่สุด ซึ่ง ‘True’ ก็สามารถคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ด้วย ‘Ecosystem’ ที่ได้วางรากฐานไว้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นโครงข่าย ดิจิทัลเทคโนโลยี แพลตฟอร์มและโซลูชั่น รวมถึงคอนเทนต์ ทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้ยังปรับการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์อีกด้วย
โดยในส่วนของโครงข่าย ที่ผ่านมาทรูได้เพิ่มประสิทธิภาพด้านดิจิทัลเทคโนโลยีสื่อสาร โดยสามารถคว้าคลื่น หลังจากที่ทรูชนะการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2600 MHz จำนวน 90 MHz และ 26GHz จำนวน 800 MHz นั้น ส่งผลให้ทรูมีคลื่นความถี่ที่ครบที่ครบที่สุด เป็นอับดับ 1 ในไทย และได้มีการติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคม ทั้ง 3G 4G และ 5G ที่เร็วแรงขึ้น 20 เท่า และได้ขยายแบนด์วิธขึ้นถึง 3 เท่าเพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น
จากตัวเลขการใช้งาน data consumption ในไตรมาสแรกของปี 2020 เทียบกับปี 2019 ที่มากขึ้นถึง +45% ขณะที่ nPerf สถาบันระดับโลกการันตีว่า ทรูเป็นเครือข่ายอัจฉริยะอันดับ 1 ติดต่อกัน 4 ปีซ้อน และเป็นอันดับ 1 ประสิทธิภาพดีสุด ทั้งด้านการเล่นวีดีโอสตรีมมิ่ง และการเล่นเว็บไซต์
ในด้านของดิจิทัลเทคโนโลยี แพลตฟอร์มและโซลูชั่น รวมถึงคอนเทนต์ ที่ครอบคลุมสุดทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ทรูเองก็วางกลยุทธ์ไว้ได้อย่างครอบคลุม อาทิ แพลตฟอร์มเอง True ID แอปพลิเคชันด้านคอนเทนต์ที่สามารถดูฟรีได้ทุกเครือข่าย โดยในช่วงไตรมาส 1 มียอดดาวน์โหลดถึง 3.1 ล้านดาวน์โหลด ขึ้นอันดับ 1 หมวดผู้ให้บริการแอปพลิเคชันด้านบันเทิง อีกทั้งยังมียอดวิวกว่า 141 ล้านวิว/เดือน เติบโตถึง 400% เมื่อเทียบกับปีก่อน
และหนึ่งในสิ่งที่จะกลายเป็น New Normal ในอนาคตก็คือ การใช้จ่ายผ่าน ‘E-Wallet’ เนื่องจากอนาคต มีแนวโน้มว่าผู้บริโภคต้องการเลี่ยงการสัมผัส (Contactless Payment) ซึ่งทรูเองมีแอปพลิเคชัน ‘True Money Wallet’ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานแล้วกว่า 13 ล้านราย เติบโตถึง 20% ขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายโดยรวมโตถึง 25% โดยมียอดเติบโตของการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์และการซื้อหาดิจิทัลคอนเทนต์อยู่ที่ 10-25%
นอกจากนี้ ทรูยังเพิ่มบริการใหม่ ๆ ที่เข้ากับสถานการณ์ COVID-19 นี้ อาทิ True Vroom ห้องเรียนและห้องประชุมเสมือนจริง รวมถึงได้เปิดบริการให้สั่งอาหารและเครื่องดื่ม จาก 4 แบรนด์ ของกลุ่มทรู ได้แก่ TrueCoffee, TrueCoffee GO, Paul และ Gontran Cherrier แบบดีลิเวอร์รี่ผ่านแอปฯ “GO Eats หรือโทร 1424” เพื่อตอบโจทย์ในช่วง COVID-19
ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายคุณภาพที่เป็นเบอร์ 1 ถึง 4 ปีซ้อน และยอดดาวน์โหลดแพลตฟอร์ม True ID ที่มีผู้ใช้งานสูงขึ้นมาก หรือความสะดวกสบายของ True Money Wallet ที่ส่งเสริมให้การใช้จ่ายเป็นไปอย่างสะดวกขึ้น และทรูพอยท์ที่นำมาใช้จ่าย ลด แลกสินค้าและบริการ ที่เป็นสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้ามากขึ้น จะเห็นว่า EcosystemEcosystem ไม่เพียงแต่จะสนับสนุนซึ่งกันและกัน แต่สิ่งที่ผู้บริโภคจะได้รับไปเต็ม ๆ ก็คือ ความสะดวกสบาย
ไม่น่าแปลกใจที่บริการของทรูจะเป็นเบอร์ 1 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่สุด เพื่อให้สังคมไทยก้าวข้ามผ่านวิกฤต COVID-19 นี้ไปด้วยกัน แถมยังสามารถกวาดรายได้ในไตรมาส 1 ถึง 2.58 หมื่นล้านบาทเติบโต 5% โดยมีลูกค้ารายเดือนเพิ่มขึ้นถึง 3 แสนราย
