กสทช. เนื้อหอม หลังประกาศแผนลงทุน 5G คณะผู้แทนจากคณะกรรมาธิการสภาครองเกส สหรัฐอเมริกา หารือการลงทุนร่วมกัน ขณะที่กสทช.ขอให้เชิญ 4 ผู้บริหาร OTT ที่ตัดสินใจได้เข้าร่วมประชุมกับประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาการเก็บรายได้ ขณะที่ “สมคิด” นัดประชุมกสทช.คุยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย 5G วันที่ 27 ม.ค. 2563
รายงานข่าวจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2563 คณะผู้แทนจากคณะกรรมาธิการสภาครองเกส และตัวแทนจากสถานฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. หลังจากที่ได้เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาก่อนหน้านี้แล้ว
สำหรับวาระการหารือดังกล่าวนั้นเป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ไทยและสหรัฐอเมริกามีต่อกันยาวนาน 200 ปี นอกจากนี้ยังพูดคุยเกี่ยวกับการจะเปิดประมูล 5G ของไทยในวันที่ 16 ก.พ.2563 และแผนการพัฒนาประเทศในด้านโทรคมนาคม เนื่องจากประเทศไทยมียอดผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นอันดับต้นๆของโลก และมีอัตราการเติบโตของคอนเทนต์ที่ก้าวกระโดดมาก
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นสำคัญที่มีการหารือกันคือ การจัดเก็บรายได้ (ไม่ใช่ภาษี) จากผู้ให้บริการ โอทีที ที่นำเอาคอนเทนต์มาวิ่งบนโครงข่ายของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (โอเปอเรเตอร์) ซึ่งที่ผ่านมา กสทช.ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือเท่าที่ควรจากผู้ให้บริการรายใหญ่ทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย เฟซบุ๊ก ยูทูป กูเกิล และเน็ตฟลิกซ์
ซึ่งแม้จะมีการประชุมเรื่องดังกล่าวมาหลายครั้งแล้ว แต่ทั้ง 4 บริษัทก็บางรายก็ส่งผู้ร่วมประชุมที่ไม่ใช่ระดับบริหารทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้มาร่วมประชุม หรือบางรายก็ไม่เข้าร่วมประชุม ซึ่งในวันที่ 26-27 พ.ค.2563 นี้ จะมีการประชุมในเรื่องดังกล่าว จึงขอให้รัฐบาลสหรัฐฯกำชับให้บริษัทดังกล่าว ส่งผู้บริหารระดับสูงมาหารือร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายฐากร เคยระบุไว้ว่า เรื่องปัญหา OTT นั้น ที่ผ่านมาการประชุมผู้นำองค์กรกำกับดูแลด้านโทรคมนาคมในภูมิภาคอาเซียน หรือ การประชุม ASEAN Telecommunication Regulator’s Council : ATRC มีมติร่วมกันในหลักการจากประเทศเพื่อนสมาชิก 10 ประเทศ ในการจัดเก็บรายได้ (ไม่ใช่ภาษี) จาก OTT ตามที่มีการเสนอแนวทางในการจัดเก็บไป 3 ประเด็น ได้แก่ 1.ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อค่าบริการของประชาชน 2.ต้องมีรายได้เข้าประเทศ และ 3.ขอให้ OTT ให้ความร่วมมือ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถดำเนินการได้
นายฐากร กล่าวว่า ในวันที่ 27 ม.ค. 2563 ที่จะถึงนี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเข้าประชุมถึงแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย 5G ร่วมกับ กสทช. เพื่อกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย 5G ของประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาแนวทางการขับเคลื่อน 5G ของประเทศยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร อาทิ การลงทุน และการต่อยอดการใช้งาน
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวเนื่องจากรัฐบาลต้องการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ในส่วนของ 5G ว่าจะเข้ามาผลักดันเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศอย่างไรบ้าง โดยจะมีการเสนอให้เร่งจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G ระดับชาติ ในทุกภาคส่วน โดยมี นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน โดยเร็ว เนื่องจากที่ผ่านมาติดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วยข้อกังวลว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะก้าวล่วงอำนาจของ กสทช. จึงได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสารและการโทรคมนาคมวุฒิสภา ถึงกรอบหน้าที่ของคณะกรรมการอย่างชัดเจนแล้ว โดยยืนยันว่า คณะกรรมการดังกล่าวไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการประมูลคลื่นความถี่แต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน จะมีเสนอเรื่องที่เป็นปัญหาและอุปสรรค เช่น การเข้าร่วมประมูลของ โอเปอเรเตอร์ ที่หากหนังสือค้ำประกัน (แบงก์การันตี) เกินกรอบวงเงินของบริษัท จะพิจารณาให้ธนาคารสามารถปล่อยวงเงินกู้ได้ เพราะเป็นการลงทุนการวางโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงรายงานถึงการจัดการประมูลคลื่นความถี่ที่ ปัจจุบันมีโอเปอเรเตอร์ รวม 5 ราย เข้ารับเอกสารการประมูลคลื่นความถี่เพื่อรองรับ 5G จากสำนักงาน กสทช. แล้ว ส่วนเรื่องเงื่อนไขการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 50% ในปีแรก นั้น ปัจจุบัน นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย อีอีซี ได้ตอบหนังสืออย่างเป็นทางการ แล้วว่า ยินดีจะเป็นผู้ระบุพื้นที่อีอีซีที่โอเปอเรเตอร์ต้องลงทุนตามเงื่อนไขเพื่อให้เอกชนคลายความกังวล
“การเข้าประชุมดังกล่าว สืบเนื่องจากการกล่าวในงานสัมมนา 2020 ปีแห่งการลงทุน : ทางออกประเทศไทย ที่จัดโดยเครือมติชน ถึงการคาดการณ์มูลค่าทางเศรษฐกิจ ในปี 2563 จากการขับเคลื่อน 5G ว่าจะมีมูลค่า 177,039 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.02% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ที่ 17,328,000 ล้านบาท จากมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในปี 2563 ที่ 1,983 ล้านบาท จากระบบเศรษฐกิจรายภาค เช่น ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ภาคการค้าและการเงิน ภาคโทรคมนาคม ภาคบริการสาธารณะ ภาคขนส่ง ภาคการศึกษา ภาคการแพทย์ เป็นต้น ขณะที่ปี 2564 คาดว่า 5G จะทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ 332,619 ล้านบาท และปี 2565 มูลค่า 476,062 ล้านบาท” นายฐากร กล่าว
