กสทช. ลงนามบันทึกข้อตกลงกับทางท่าอากาศยานไทย พร้อมให้บริการ 5G พื้นที่แรกในสนามบินสุวรรณภูมิ คาดเปิดบริการ พ.ค.นี้ หลังโอเปอเรเตอร์เข้าร่วมประมูลในวันที่ 16 ก.พ.
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช.) เปิดเผย ว่า กสทช.ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการว่าด้วยการศึกษาและการให้บริการผ่านโครงข่ายโทรคมนาคมในระบบ 5G ระหว่าง กสทช. และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เพื่อเริ่มให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการให้บริการผู้โดยสารและประชาชนภายในสนามบิน ซึ่งถือเป็นประตูด่านแรกของนักเดินทางทั่วโลก
ทั้งนี้ ตามแผนของสำนักงาน กสทช. จะมีการจัดประมูลคลื่นความถี่ทั้งหมด 4 ย่าน ได้แก่ ย่านความถี่ 700, 1800, 2600 MHz และ 26 GHz ในวันที่ 16 ก.พ. 2563 ซึ่งคาดว่า จะออกใบอนุญาตได้ปลายเดือน ก.พ. 2563 โดยผู้รับใบอนุญาตสามารถเริ่มติดตั้งโครงข่ายได้ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 หลังจากนั้นหากมีผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) วางโครงข่ายในท่าอากาศยานก็จะสามารถให้บริการระบบ 5G เชิงพาณิชย์ได้ ในเดือน พ.ค.2563
สำหรับการให้บริการระบบ 5G ครั้งนี้จะเริ่มในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก่อน และหากโอเปอเรเตอร์พิจารณาแล้วมีความคุ้มค่า จะขยายไปยังท่าอากาศยานแห่งอื่น ซึ่งจากนี้ ให้ ทอท. พิจารณาว่า จะนำเทคโนโลยี 5G ไปปรับใช้ด้านใดบ้าง และประสานไปยังโอเปอเรเตอร์เพื่อลงทุนวางโครงข่าย เพื่อผลักดันให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นสมาร์ทแอร์พอร์ตในอนาคต"
ทั้งนี้ หากการประมูล 5G เป็นไปตามแผน คาดว่าเดือน มิ.ย.- ก.ค. 2563 จะสามารถเปิดให้บริการ 5G ได้ในพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ย่านใจกลางเมือง ซึ่งการเปิดให้บริการดังกล่าวจะใกล้เคียงกับการเปิดบริการ 5G ของประเทศญี่ปุ่นที่มีกำหนดเปิดให้บริการในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในเดือนก.ค. 2563
"การผลักดันการให้บริการระบบ 5G ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้สามารถแข็งขันกับประเทศต่างๆ ได้ รวมถึงสร้างความพร้อมเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี ความสามารถในการแข่งขันทางการค้า เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การแพทย์ นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการเกษตร การค้า ขนส่ง และบริการ"