xs
xsm
sm
md
lg

โลจิสติกส์ไทยสดใส NOSTRA LOGISTICS มั่นใจโตก้าวกระโดด 50%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

วรินทร สีสุขดี
นอสตร้า โลจิสติกส์ ประเมินธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ไทยสดใส มูลค่าปีนี้ทะลุ 200,000 ล้านบาท โตจากปีที่แล้ว 15 - 20% วางเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำตลาด IoT Logistics ผ่านบริการแพลตฟอร์มกลางที่รองรับโลจิสติกส์หลายค่าย และโซลูชันวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ไปไกลกว่าการอ่านข้อมูล GPS ธรรมดา มั่นใจไตรมาส 4 รายได้โต 50% จากปีก่อน เพราะเศรษฐกิจไทยขยายตัวบนการส่งออกที่บูมกว่าเดิม

นางวรินทร สีสุขดี ผู้อำนวยการส่วนผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ บริษัท จีไอเอส จำกัด ต้นสังกัดนอสตร้า โลจิสติกส์ เปิดเผยว่า 3 ปัจจัยบวกที่ทำให้ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ไทยเติบโตต่อเนื่อง คือเศรษฐกิจไทยกำลังขยายตัวต่อเนื่อง การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และส่งออกที่ขยายตัวอย่างมาก ขณะเดียวกัน บริษัทยังเห็นโอกาสสดใสในตลาดไทย เนื่องจากปัจจุบันมีรถที่ติดระบบติดตามตำแหน่งหรือ GPS ในประเทศเพียง 3 แสนคัน ถือว่ายังห่างจากเป้าหมาย 1 ล้านคันที่กรมการขนส่งทางบกขีดเส้นเบื้องต้นให้รถในประเทศไทยรองรับเทคโนโลยี GPS Tracking เพื่อความปลอดภัย

"สำหรับปีนี้ แนวโน้มการเติบโตของตลาดไทยทำให้นอสตร้า โลจิสติกส์ มั่นใจว่าจะโตขึ้นมากกว่าเดิม 50 เปอร์เซ็นต์ โดยจะเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อคาดการณ์แนวโน้ม ให้ธุรกิจนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจได้ เป็น IoT Logostics ที่แท้จริง"

ไม่ใช่ GPS ธรรมดา

2 ผลิตภัณฑ์ที่นอสตร้า โลจิสติกส์จะยึดเป็นเรือธงในปีนี้และปีหน้า คือเทเลเมติกส์โซลูชัน (Telematics Solution) และนอสตร้า โลจิสติกส์อนาไลติกส์แพลตฟอร์ม (NOSTRA LOGISTICS Analytics Platform) ทั้งคู่ถูกการันตีว่าจะสามารถให้บริการทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ เพื่อพัฒนา smart logistics ที่เน้นตอบโจทย์ 3 ด้าน คือความปลอดภัยทั้งเรื่องคน รถ และสิ่งของ, การประหยัดค่าใช้จ่ายและทรัพยากรทุกอย่าง และความพึงพอใจที่จะเกิดขึ้นเมื่อ 2 ข้อแรกทำได้ดี

"สมัยก่อน เรามีระบบ GPS เพื่อบอกว่ารถขนส่งอยู่ที่ไหน แต่ระบบของนอสตร้า โลจิสติกส์สามารถอ่านสมองกลหน้ารถ เพื่อดูตัวเลขเข็มไมล์หน้ารถ ทำให้บริษัทสามารถวางกรอบเวลาซ่อมบำรุงได้ตรงเวลา ขณะเดียวกันก็ป้องกันการขโมยน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ยังมีระบบดูอุณหภูมิสินค้าที่แม่นยำ ระบบเซ็นเซอร์ที่ประตูเพื่อป้องกันสินค้าหาย แม้แต่การขับรถเร็วกระชาก ก็อาจทำให้รถเสียเร็ว ทั้งหมดนี้มีหลักฐานเพื่อนำไปคุยกับคนขับได้ในรูปแบบวิดีโอ รวมถึงปัญหาหลับใน ง่วงแล้วขับ หรือการสูบบุหรี่ระหว่างขับรถ"

ผู้บริหารระบุว่าการที่ระบบสามารถตรวจจับการขับรถเร็วกระชาก แล้วแจ้งเตือนให้ผู้ขับรถขนส่งปรับพฤติกรรมนั้นสามารถประหยัดน้ำมันได้ 15-20 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขนี้รวมผลพลอยได้จากการแจ้งเตือนการขโมยน้ำมัน ซึ่งในภาพรวม ระบบสมาร์ทโลจิสติกส์ลักษณะนี้สามารถลดการเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่า 50-70 เปอร์เซ็นต์ และลดค่าใช้จ่ายเรื่องค่าล่วงเวลาได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์

สำหรับนอสตร้า โลจิสติกส์นั้นถือว่าไม่ใช่ผู้เล่นรายใหม่ในตลาดไทย ประสบการณ์ในธุรกิจระบบเทคโนโลยีโลจิสติกส์ไทยมากกว่า 15 ปี ทำให้บริษัทมองเป้าหมายนับจากนี้ว่าต้องการประกาศตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการสมาร์ทโลจิสติกส์โดยใช้เทคโนโลยี IoT ปัจจุบันลูกค้าของบริษัทมีทั้งส่วนที่เป็นบริษัทขนส่ง เช่น บริษัท ไทยน้ำทิพย์ ปูนอินทรี และส่วนที่เป็นบริษัทด้านอาหารซึ่งเน้นการติดตั้งเซ็นเซอร์เพื่อรักษาอุณหภูมิของสินค้า เรียกว่าครอบคลุมทั้งส่วนผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย และบริษัทขนส่ง

ดีมานด์พุ่ง "รถขนส่งพนักงาน"

กลุ่มเป้าหมายที่บริษัทมองว่ามีความต้องการระบบสมาร์ทโลจิสติกส์มากขึ้นเป็นพิเศษ คือบริษัทที่ต้องใช้รถขนส่งพนักงาน การสำรวจตลาดพบว่าบริษัทเหล่านี้มีการขนส่งพนักงานวันละมากกว่า 1,000 รอบ ส่วนใหญ่พบปัญหาเรื่องการเก็บค่าบริการที่ไม่ตรงตามความจริง เช่น กรณีรถที่ไม่ได้ออกวิ่งรับส่งพนักงาน ซึ่งเทคโนโลยีจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในภาพรวมได้

"เรามั่นใจว่าโซลูชันของบริษัทเหมาะกับความต้องการพื้นฐานของทุกบริษัทที่มีรถ ไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทใหญ่ก็สามารถใช้บริการ smart logistics ได้"

อย่างไรก็ตาม นอสตร้า โลจิสติกส์ไม่การันตีว่าตัวเองเป็นบริษัทเบอร์หนึ่งในตลาดไทยขณะนี้ แต่ระบุว่าบริษัทมีโซลูชันที่หลากหลายมาก และเป็นบริษัทเดียวที่สามารถพัฒนาแพลตฟอร์มในรูปผลิตภัณฑ์สมาร์ทโลจิสติกส์ได้อย่างเป็นทางการ ถือเป็นบริษัทแรกในกลุ่มผู้ให้บริการ GPS ที่รองรับมาตรฐานกรมการขนส่งทางบกของประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนเกิน 100 รายในขณะนี้

ตัวเลขผู้ให้บริการระบบติดตาม GPS ในรถมากกว่า 100 รายของไทยเป็นผลจากนโยบายรัฐบาลที่ทำให้ตลาดเติบโตเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดไม่ได้เป็นคู่แข่งของนอสตร้า โลจิสติกส์ เพราะบริษัทไม่ได้โฟกัสที่ระบบ GPS เท่านั้น แต่บริษัทเน้นเอาข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในแง่ธุรกิจและประเทศไทย

ปีหน้าฉลาดลึก

สำหรับทิศทางในปีหน้า บริษัทยืนยันว่าจะยังเน้นที่ระบบ Telematics Solution ต่อไปแต่จะนำเสนอเซ็นเซอร์ที่เก็บข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น โดยจะเริ่มปรับเซ็นเซอร์จากที่ต้องเชื่อมต่อสายมาเป็นเซ็นเซอร์ไร้สาย รวมถึงการเพิ่มความสามารถให้ระบบ Analytics Platform สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้มากขึ้น

นอกจากนี้ การที่บริษัทไทยเริ่มขยายการขนส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นอีกโอกาสที่นอสตร้า โลจิสติกส์จะขยายผลในช่วงปีหน้า ปัจจุบันระบบแผนที่ของบริษัทรองรับทั้งหมด 10 ประเทศอาเซียน รวมถึงไทม์โซนที่ต่างกัน ทำให้ระบบคำนวณได้ถูกต้องครบถ้วน

ในภาพรวม นอสตร้า โลจิสติกส์จะยังเน้นบริการ smart logistics เฉพาะทางบก แต่กำลังขยายไปยังเทคโนโลยีสมาร์ทคอนเทนเนอร์ ซึ่งจะเน้นการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับข้อมูลหลากหลายขึ้น เช่น ข้อมูลความชื้น ทั้งหมดนี้เพื่อแก้ปัญหาธุรกิจที่มักไม่ทราบว่าคอนเทนเนอร์ของบริษัทอยู่ที่ไหนในสภาพแวดล้อมอย่างไร

เมื่อถามถึงความท้าทายในปีหน้า นอสตร้า โลจิสติกส์มองเห็นเฉพาะปัจจัยบวก เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์เชื่อมโยงคมนาคมไปอาเซียน เทรนด์ที่มาแรงทำให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์มากขึ้น ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานของไทยหรือ infrastructure ที่ต้องใช้ในระบบก็ถูกพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งหมดนี้ส่งให้ความต้องการในตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทุกอย่างเป็นปัจจัยบวก.



กำลังโหลดความคิดเห็น