รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ถูกผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและกฎหมายวิจารณ์อื้ออึง หลังเสนอไอเดียให้เอ็กซอนโมบิล (Exxon Mobil) หรือบริษัทน้ำมันรายอื่นๆ ของสหรัฐฯ เข้าไปลงทุนขุดเจาะน้ำมันในซีเรีย
ทรัมป์ ได้เปิดแถลงข่าวเรื่องปฏิบัติการของหน่วยรบพิเศษสหรัฐฯ ที่นำไปสู่การเสียชีวิตของ ‘อบูบาการ์ อัล-บักดาดี’ ผู้นำสูงสุดของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียเมื่อวานนี้ (27) ขณะเดียวกันก็ระบุว่า ตนอาจทำข้อตกลงกับเอ็กซอนโมบิลหรือบริษัทพลังงานขนาดใหญ่รายอื่นของสหรัฐฯ ให้เข้าไปลงทุนที่นั่นอย่างเหมาะสม “และกระจายความร่ำรวยออกไป”
ล่าสุด ทั้งเอ็กซอนโมบิล และเชฟรอน (Chevron) บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ที่เข้าไปดำเนินกิจการในตะวันออกกลาง ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอของประธานาธิบดี
ลอรี แบลงค์ อาจารย์จากโรงเรียนกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยเอมอรี และผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายเปรียบเทียบและระหว่างประเทศ (Center for International and Comparative Law) ระบุว่า “กฎหมายระหว่างประเทศมีบทบัญญัติเพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์ลักษณะนี้”
บรูซ รีเดล อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ และนักวิจัยจากสถาบันบรุกกิงส์ เตือนว่า แนวคิดของ ทรัมป์ “ไม่เพียงก่อให้เกิดคำถามทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังทำให้ประเทศในตะวันออกกลางและทั่วโลกมองว่าสหรัฐฯ จ้องจะขโมยน้ำมัน”
เจฟฟ์ โคลแกน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์และระหว่างประเทศศึกษาจากมหาวิทยาลัยบราวน์ ระบุเช่นกันว่า “การเสนอแนวคิดให้สหรัฐฯ เข้าไปคุมแหล่งน้ำมันในซีเรียผ่านทางเอ็กซอนโมบิล หรือบริษัทอื่นๆ ถือเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรม และอาจจะผิดกฎหมายด้วย” พร้อมเตือนว่าบริษัทอเมริกันจะต้องเผชิญ “ความท้าทายเชิงปฏิบัติ” หลายอย่าง หากเข้าไปดำเนินกิจการในซีเรีย
แอลเลน อาร์. วอลด์ นักวิจัยอาวุโสจากศูนย์พลังงานโลกของสภาแอตแลนติก (Atlantic Council) ชี้ว่า การคาดหวังให้เอ็กซอนโมบิลหรือบริษัทพลังงานอื่นๆ เข้าไปพัฒนาแหล่งน้ำมันในซีเรียนั้น “ยากที่จะเป็นไปได้” เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เอื้ออำนวย และกำลังผลิตที่ค่อนข้างต่ำ
ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อปี 2016 ระบุว่า กำลังผลิตน้ำมันของซีเรียลดลงเหลือเพียง 40,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่เคยผลิตได้มากถึง 380,000 บาร์เรลต่อวันก่อนจะเกิดสงครามกลางเมือง
อย่างไรก็ดี อเล็กซ์ แครนเบิร์ก ประธานบริษัท แอสเปค โฮลดิงส์ แอลแอลซี ซึ่งเคยสำรวจน้ำมันในเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานแห่งอิรัก ชี้ว่าสหรัฐฯ จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับอนาคตของแหล่งน้ำมันในซีเรีย
“น้ำมันไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับสหรัฐฯ แต่หากถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสม ก็อาจกลายเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับพวกที่จะสร้างปัญหาให้แก่เราต่อไปในอนาคต” แครนเบิร์ก กล่าว พร้อมยืนยันว่าบริษัทของตนยังไม่ได้รับการติดต่อทาบทามจากทำเนียบขาว
โรเบิร์ต โอเบรียน หนึ่งในที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ Meet the Press ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีว่า สหรัฐฯ จำเป็นต้องส่งทหารไปคุ้มกันแหล่งน้ำมันในซีเรีย และเอ่ยเป็นนัยๆ ว่าอเมริกาควรมีสิทธิ์ตัดสินใจเกี่ยวกับรายได้ที่เกิดขึ้น
“เราจำเป็นต้องคงทหารไว้ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อคุ้มกันแหล่งน้ำมัน และเพื่อให้มั่นใจว่าพวกไอเอสจะไม่ฟื้นคืนชีพ ตลอดจนรับรองว่าชาวเคิร์ดจะมีรายได้บางส่วนจากน้ำมันเหล่านั้นด้วย”