หัวเว่ยประเทศไทยฉลอง 20 ปีดำเนินธุรกิจแดนสยาม เผย 20 ปีนับจากนี้จะลุยสร้างอีโคซิสเต็มเทคโนโลยีในประเทศ ระบุ 20 ปีที่ผ่านมาหัวเว่ยมีความเข้าใจในตลาดไทยลึกซึ้ง มั่นใจกุญแจสำคัญที่จะนำศักยภาพมาสู่ไทยคือบุคลากรที่มีความสามารถ ส่งให้หัวเว่ยปูพรมทำโครงการติดปีกบุคลากรไทยมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือการเปิด “หัวเว่ย อะเคเดมี” อย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายนนี้ บนเป้าหมายนำพาทั้งอีโคซิสเต็มให้เชื่อมประเทศไทยสู่อนาคตได้เป็นรูปธรรม
นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย ประเทศไทย จำกัด ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อกันยายนที่ผ่านมา กล่าวถึงวิสัยทัศน์ล่าสุดว่าหัวเว่ยมองการส่งเสริมและสนับสนุนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเป็นพันธกิจหลักของบริษัท โดยไทยถือเป็นตลาดสำคัญของหัวเว่ย ซึ่งบริษัทได้ลงทุนเปิดสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค, ศูนย์พับลิกคลาวด์ และเปิดทดสอบ 5G รวมแล้วปัจจุบันหัวเว่ยประเทศไทยมีพนักงาน 3200 คน ในจำนวนนี้ 75% เป็นคนไทย
“เราพยายามทำให้ตลาดไทยเติบโตยั่งยืนอย่างสุดความสามารถ เราจะลงทุนการพัฒนาไม่เพียงแต่ในสินค้าและเทคโนโลยี แต่จะลงทุนทั้งอีโคเพื่อผลักดันให้เติบโตในองค์รวม”
ตั้งแต่ 2G, 3G, 4G
หัวเว่ยก่อตั้งสำนักงานในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2542 การันตีว่าตัวเองมีบทบาทพัฒนาโครงข่ายพื้นฐานไอซีทีไทยต่อเนื่อง ทั้งยุค 2G, 3G และ 4G ความภูมิใจของหัวเว่ยคือการมีบทบาทสำคัญในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งมอบเทคโนโลยีดิจิทัลให้คนไทยทุกคน ทุกบ้าน และทุกองค์กร
“ช่วงปีนับจากนี้จะสำคัญมากกว่าเดิม ทุกอย่างจะต้องไปพร้อมกันทั้งอีโคซิสเต็ม ล่าสุดหัวเว่ยเซ็น MOU ที่เสินเจิ้นกับรัฐบาลไทยเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ผมคิดว่าจะมีการแบ่งปันความรู้ ทั้งกับรัฐบาลและลูกค้า เพื่อให้องค์กรสามารถผลักดันประเทศให้เป็นไทย 4.0 ได้”
หัวเว่ยระบุว่าไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเผยว่าตลอดปี 61 การจัดซื้อจัดจ้างของหัวเว่ยในประเทศไทยคิดเป็นมูลค่า 196 ล้านเหรียญสหรัฐ
งานใหญ่ชิ้นถัดไปที่หัวเว่ยจะชูธงในประเทศไทยคือการฝึกอบรม แน่นอนว่าการฝึกอบรมจะทำให้บุคลากรไอทีไทยคุ้นเคยกับเทคโนโลยีของหัวเว่ย ซึ่งอาจจะทำให้หัวเว่ยขายโซลูชันให้องค์กรไทยได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยย้ำว่าการเซ็นเอ็มโอยูระหว่างรัฐบาลไทยและหัวเว่ยประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “การอบรมส่งเสริมด้านทักษะดิจิทัลเพื่อนำไปสู่สังคมแห่งนวัตกรรมที่ยั่งยืน” เกิดขึ้นบนเป้าหมายเพื่อแบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญของหัวเว่ยกับองค์กรต่างๆในอุตสาหกรรมไทย ซึ่งจะส่งเสริมศักยภาพด้านไอซีทีให้บุคลากรดิจิทัลไทยได้
เพื่อให้การฝึกอบรมเป็นรูปธรรม หัวเว่ยระบุว่าจะเปิด “หัวเว่ย อะเคเดมี” ที่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน ศูนย์ดังกล่าวถือเป็นศูนย์ฝึกอบรมนอกประเทศจีนแห่งแรกของหัวเว่ย เนื้อหาหลักในการอบรมคือเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างเอไอ ซูเปอร์คอมพิวติง และคลาวด์ ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในไม่นานนับจากนี้
อนาคตของหัวเว่ยยังผูกกับ 5G โดยซีอีโอหัวเว่ยประเทศไทยย้ำว่า 5G จะหนุนไทยให้ก้าวไปเร็วกว่าชาติอื่น เพราะ 5G จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาเอไอ กลายเป็นส่วนผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลในภาพรวม
บูธ Digital Thailand Big Bang 2019 ใหญ่ขึ้นเท่าตัว
การฉลอง 20 ปีหัวเว่ยประเทศไทย จะถูกจุดพลุที่งาน Digital Thailand Big Bang 2019 ด้วย โดยหัวเว่ยจะจัดแสดงวิสัยทัศน์เรื่องการพัฒนาอีโคซิสเต็มครบวงจรในไทย ภายในพาวิลเลียนของหัวเว่ยประเทศไทยจะแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชัน 5G, Smart City, Huawei Cloud และ Huawei Mobile บนพื้นที่ 400 ตารางเมตร ที่ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2562
ข้อมูลจากประชาสัมพันธ์หัวเว่ยระบุว่า พื้นที่ 400 ตารางเมตรในงาน Digital Thailand Big Bang 2019 ถือเป็นพื้นที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับแบรนด์โทรคมนาคมอื่นที่มาร่วมออกบูธ โดยปีนี้หัวเว่ยเพิ่มพื้นที่มากกว่าปีที่แล้ว 2 เท่าตัว ภายในบูธมีเทคโนโลยีจากพันธมิตรมากกว่า 15 บริษัทที่ถูกแสดงภายใต้โซลูชันของหัวเว่ย และแน่นอนว่างบประมาณการออกบูธครั้งนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้.
