“ทริส” โละระบบไอทีเก่าทิ้ง หันมาใช้งานโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ จากนูทานิคซ์ ที่ดึงจุดเด่นของระบบเวอร์ชวลไลเซชันมาใช้งานเพื่อให้องค์กรธุรกิจสามารถปรับขยายการลงทุนไอทีได้ตามต้องการ โดยเริ่มจากการเปลี่ยนระบบสื่อสารภายในองค์กร ไปจนถึงการนำมาใช้เป็นระบบหลักในการทำงาน และให้บริการลูกค้าในอนาคต
นายอรรณพ ดำรงพาณิชกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลโซลูชั่น บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ให้บริการที่ปรึกษาทางธุรกิจ และบริษัทจัดอันดับเครดิตรายใหญ่ในไทย กล่าวถึงการลงทุนในระบบไอทีในยุคที่เข้าสู่ดิจิทัลทรานฟอร์เมชันว่า ทางทริส เลือกที่จะลงทุนระบบไอทีใหม่ทั้งหมด เพื่อให้รองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
“ทริส เริ่มวางแผนในการทรานฟอร์มธุรกิจตั้งแต่ปลายปี 2017 ที่ผ่านมา ในการเปลี่ยนระบบสื่อสาร มาใช้งานเป็น Unified Communications หรือการสื่อสารผ่านโซลูชันของสไกป์เป็นหลัก และขณะเดียวกัน ก็วางแผนในการลงทุนอินฟราสตรักเจอร์ ที่สามารถขยายตัวในอนาคตได้”
เป้าหมายสำคัญของการทรานฟอร์มธุรกิจของทริส คือ การลดระบบที่ซ้ำซ้อน และลดขั้นตอนการทำงานของพนักงานลง เพื่อให้พนักงานสามารถโฟกัสไปที่การวิเคราะห์ และให้คำปรึกษาทางธุรกิจได้มากขึ้น
ทำให้มองหาการลงทุนไอทีที่จะเข้ามาตอบโจทย์ทั้งในแง่ของการใช้งาน และการขยายตัวในอนาคต ขณะที่นูทานิคซ์ กลายเป็นผู้ให้บริการหนึ่งใน 2 รายที่พร้อมให้บริการรูปแบบดังกล่าวในประเทศไทย และได้รับการยอมรับจากระดับโลก
นายทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการ นูทานิคซ์ ประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ในช่วงที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ภายนอกอย่างการ์ทเนอร์ มองเทคโนโลยีของนูทานิคซ์ ว่าอยู่ในกลุ่มผู้นำเทคโนโลยี และขยับระดับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เริ่มให้บริการต่อเนื่องมาในระดับโลกจากการขยายตัวของเทคโนโลยีคลาวด์
“ในตลาดองค์กรธุรกิจที่หันมาใช้งานระบบคลาวด์ จะมีความท้าทายของการใช้งานพับบลิกคลาวด์ หรือไพรเวตคลาวด์ ของผู้ให้บริการแต่ละรายก็จะมีวิธีการดูแลที่ไม่เหมือนกัน นูทานิคซ์ จึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในการดูแลจัดการแอปพลิเคชันบนอินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่าย และช่วยลดข้อจำกัดของระบบต่างๆ เพื่อให้ฝ่ายไอทีสามารถทำงานได้สะดวกขึ้น”
ทำให้หลังจากที่ทางทริส มีการนำระบบของนูทานิคซ์มาติดตั้งใช้งาน โดยเริ่มจากการเปลี่ยนระบบสื่อสารโทรศัพท์พื้นฐาน มาเป็นการสื่อสารผ่านโทรศัพท์บนอินเทอร์เน็ตด้วยการนำ Skype for Business มาใช้งาน ด้วยการตั้งเซิร์ฟเวอร์ขึ้นภายในบริษัท
ขณะเดียวกัน มีการเตรียมความพร้อมถึงแผนระยะยาวในการลงทุนระบบไอที เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานนอกสถานที่ได้ ทำให้มีการนำเซิร์ฟเวอร์มาประยุกต์ใช้ในการติดตั้งระบบหลักในการทำงานเข้าไป จนถึงการทำระบบสำรองข้อมูล และการป้องกันภัยคุกคาม
ก่อนที่ในอนาคตอันใกล้ ทางทริส มีแผนที่จะเริ่มหันมาให้บริการพัฒนาแอปพลิเคชันในการจัดอันดับต่างๆ ให้แก่ลูกค้าในระดับองค์กร ด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับระบบคลาวด์ของผู้ให้บริการต่างๆ ซึ่งทุกบริการที่เกิดขึ้นสามารถทำได้บนระบบไฮเปอร์คอนเวิร์จของนูทานิคซ์
อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ทริส สามารถเปลี่ยนผ่านองค์กรธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลได้ เกิดขึ้นจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ เรื่องของการที่มีผู้นำที่มีความเข้าใจในเรื่องของเทคโนโลยี ทั้งในแง่ของการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต ถัดมา คือ เรื่องของเทคโนโลยีซอฟต์แวร์จากนูทานิคซ์ ที่เข้ามาตอบโจทย์
ไปจนถึงการวางแผนในระยะยาวของฝ่ายไอที ที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานของบริษัท จนทำให้จากเดิมที่ฝ่ายไอทีจะอยู่ดูแลพนักงานภายในบริษัท กลายมาเป็นฝ่ายไอทีเข้าไปร่วมกับทีมงานขายในการนำเสนอข้อมูลแก่ลูกค้า เพราะสามารถลดขั้นตอนการดูแลเซิร์ฟเวอร์ลงได้
ทั้งนี้ ในการลงทุนเปลี่ยนระบบไอทีของทริส ในครั้งนี้ นอกจากจะได้ระบบไอทีที่คล่องตัวขึ้นแล้ว ขณะเดียวกัน ยังช่วยลดค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้าในการใช้งานเซิร์ฟเวอร์กว่า 40% จากการลดขนาดลงจาก 2 ตู้ เหลือเพียง 2 กล่อง ช่วยลดค่าบำรุงรักษาต่างๆ
“การนำระบบไอทียุคใหม่เข้าไปเชื่อมกับระบบไอทียุคก่อนหน้านี้ ถือเป็นค่าใช้จ่ายหลักๆ ที่เกิดขึ้น และทำให้หลายองค์กรไม่กล้าตัดสินใจลงทุน จนทำให้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ดังนั้น จึงแนะนำให้เปลี่ยนแนวคิดตรงนี้ และหันมามองถึงความคุ้มค่าในระยะยาวมากขึ้น“