ไพรซ์ซ่า (Priceza) วางเป้าหมายเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานทะลุ 187 ล้านครั้งภายในปีนี้ หลังครึ่งปีที่ผ่านมามีจำนวนผู้เข้าใช้แล้วกว่า 70 ล้านครั้ง โดยกว่า 81% ซื้อสินค้าผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมเพิ่มตัวเลือกในการเปรียบเทียบข้อเสนอจากบัตรเครดิตเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค หวังเพิ่มสัดส่วนการชำระเงินออนไลน์ให้เป็นทางเลือกหลัก
นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด เผยให้เห็นว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีจำนวนผู้บริโภคเข้ามาใช้งานกว่า 70 ล้านครั้ง โดยมีอัตราการซื้อสินค้าอยู่ที่ 2.98% จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 2.81% แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
“ราคาเฉลี่ยในทุกๆหมวดสินค้าอยู่ที่ราว 1,702 บาท โดยเมื่อเทียบมูลค่าตามอุปกรณ์ที่ใช้งานจะพบว่า เมื่อผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าผ่านพีซีจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2,309 บาท ตามมาด้วยผ่านโมบายแอปพลิเคชัน 1,497 บาท และผ่านหน้าเว็บบนโมบาย 1,266 บาท”
ขณะเดียวกัน จำนวนสินค้าที่ถูกนำเข้ามาเปรียบเทียบราคาบนแพลตฟอร์มของ Priceza มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 36 ล้านชิ้น เติบโตขึ้น 28% จาก 28 ล้านชิ้นในช่วงปี 2017 ที่ผ่านมา ในจำนวนนี้สินค้ากว่า 47% หรือราว 17 ล้านชิ้น เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ
ในช่วงครึ่งปีหลังนอกจากผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรายหลักในตลาดอย่างลาซาด้า และชอปปี้แล้ว ยังจะมีการเข้ามาของทางเจดีดอทคอม และการหวนกลับสู่ตลาดไทยของ 11Street ที่จะมีผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามา ทำให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น
เมื่อดูถึงจำนวนผู้เข้าใช้งานมาจากสมาร์ทโฟนราว 73% พีซี 23% และ 4% มาจากแท็บเล็ต ขณะที่การซื้อขายที่เกิดขึ้นจะมาจากสมาร์ทโฟนกว่า 81% และผ่านพีซี 19% แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคชาวไทยเลือกซื้อสินค้าผ่านสมาร์ทโฟนเป็นช่องทางหลัก
ส่วนมูลค่าการซื้อขายสินค้าผ่าน Priceza ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 1.42 พันล้านบาท โดย 3 ประเภทสินค้า ที่คนไทยเลือกซื้อในปีนี้ประกอบด้วย แฟชั่น ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ เปลี่ยนแปลงจากในปีที่ผ่านมา ที่อันดับแรกเป็นการค้นหาของสะสมต่างๆ
ถัดมา คือ ปัจจัยที่ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องของเพย์เมนต์ หรือช่องทางชำระเงิน ที่มีการนำเสนอสิทธิพิเศษต่างๆ กระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการใช้งานมากขึ้น ทำให้ Priceza มีการนำส่วนลดจากบัตรเครดิตต่างๆ มาเปรียบเทียบให้ผู้บริโภคได้เลือกดูด้วย
สำหรับเป้าหมายในปีนี้ Priceza ต้องการเพิ่มจำนวนผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์ในไทยทั้งปีจากปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 125 ล้านครั้งเป็น 187 ล้านครั้ง หรือเติบโต 50% จากในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ โมเดลธุรกิจของ Priceza มาจาก 2 ช่องทางหลักๆ คือ การโฆษณาผ่านหน้าเว็บไซต์ และอีกส่วน คือ ส่วนแบ่งรายได้ค่าธรรมเนียมจากการที่ผู้บริโภคเลือกใช้ช่องทางบัตรเครดิตจากธนาคารต่างๆ ชำระเงินผ่านแพลตฟอร์ม
ปัจจุบัน Priceza ให้บริการเว็บไซต์สำหรับเปรียบเทียบราคาสินค้าออนไลน์ รวมถึงการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ครอบคลุม 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์